นายปิยะ ดั่นคุ้ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท กรีนฟู้ด แฟคทอรี่ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดร้านอาหารเพื่อสุขภาพในประเทศไทยเติบโตต่อเนื่องปี 2567 มีมูลค่า 4,500 ล้านบาท ส่วนปี พ.ศ. 2568 คาดว่ามีมูลค่า 5,200 ล้านบาทเติบโต 15-20%
โดยคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า ตลาดยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่ในอีก 5 ปีข้างหน้า ตลาดจะมีการเติบโตอย่างคงที่ เนื่องจากตลาดเริ่มมีฐานที่ใหญ่และมีผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาจำนวนมากขึ้น โดยปัจจุบันตลาดร้านอาหารเพื่อสุขภาพมีผู้เล่นราว 20 กว่าแบรนด์
ปัจจัยหนุนที่ตลาดเติบคือไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันเน้นการออกกำลังกาย และการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ประกอบกับผู้บริโภคมีความใส่ใจในโภชนาการและวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารมากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการอาหารที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
กลุ่มเป้าหมายหลักของร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ได้แก่
1.ลูกค้าประจำ ที่มีความสนใจในโภชนาการและสุขภาพมากขึ้น
2.คนรุ่นใหม่ (Gen Z) ที่ให้ความสำคัญกับเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ
3.คนเมือง ที่ต้องการหาอาหารเพื่อสุขภาพในช่วงเวลาที่เร่งรีบ
4.ผู้ที่มีภาวะแพ้อาหาร ที่ต้องการอาหารที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
5.ครอบครัว ที่ต้องการอาหารที่มีประโยชน์ให้กับบุตรหลาน โดยเฉพาะครอบครัวที่ทำงานและไม่สามารถทำอาหารที่บ้านได้
ในปัจจุบันเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพไม่ได้เป็นแค่ความนิยมที่ชั่วคราว แต่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันของผู้บริโภคแล้ว ซึ่งไม่เพียงแต่จำกัดอยู่แค่การทานอาหารมื้อหลัก แต่ยังรวมถึงเครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย
นายปิยะ กล่าวเพิ่มว่า “การเติบโตในตลาดร้านอาหารเพื่อสุขภาพไม่ได้เกิดจากการแค่มีเมนูที่ดีต่อสุขภาพ แต่ยังรวมถึงการพัฒนาและการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงและมีคุณค่าทางโภชนาการ
เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกทานได้โดยไม่ต้องกังวลถึงสารปรุงแต่งหรือวัตถุดิบที่ไม่ดีต่อร่างกาย โดยมีลูกค้าที่เข้ามาทานอาหารที่ร้านเฉลี่ย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์”
บริษัทมีแผนที่จะขยายอีก 8-9 สาขา โดยใช้งบลงทุนรวม 50 ล้านบาท ในปี 2568 โดยในชางครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 3 สาขา และจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา ที่ "เกตเวย์ เอกมัย" ในเดือนมิถุนายนนี้ โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งหมด 54 สาขา จากสาขาปัจจุบันมีทั้งหมด 48 สาขา แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 33 สาขา, นนทบุรี 6 สาขา, ปทุมธานี 3 สาขา, สมุทรปราการ 2 สาขา, นครปฐม 2 สาขา, นครสวรรค์ 1 สาขา และชลบุรี 1 สาขา
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวเมนูใหม่ถึง 5 รายการในแคมเปญ “อกไก่ฉ่ำ So Yummy” ภายใต้แนวคิด “Japanese Twist” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบและความพิถีพิถันในการปรุงอาหาร โดยเมนูใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบรสชาติอาหารญี่ปุ่น หรือผู้ที่ต้องการประสบการณ์ใหม่ในการรับประทานอาหาร
สำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้บริษัทมองว่าต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์หลายด้าน รวมถึงผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังคงเชื่อว่ามีโอกาสในการเติบโตที่ดี และบริษัทจะมีการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบมากเกินไป โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัย แต่บริษัทมั่นใจว่าแผนขยายสาขาและการพัฒนาเมนูใหม่ในแคมเปญนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตในระยะยาวให้กับธุรกิจได้อย่างแน่นอน