หลัง “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” Rebranding ในรอบ22 ปีในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อเก็บลูกค้ากลุ่มแฟนพันธุ์แท้ซึ่งหลักๆเป็นกลุ่มครอบครัวที่ใช้บริการ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี มาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังต้องการดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆเข้ามาใช้บริการมากขึ้น โดยปรับ Branding ให้ดูขึ้นสดใสและโมเดิร์นขึ้นเพื่อดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ
นายปัทม์ พงษ์วิทยาพิพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ย้อนรอยบิ๊กมูฟครั้งนี้ว่า การRebrandingครั้งใหญ่ ในรอบ 22 ปีเป็นการพลิกโฉมสู่การเป็นผู้นำเกมหรือ “The Game Changer” เริ่มตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาด้วยการปรับเปลี่ยน ‘โลโก้ใหม่’ โดยใช้สีเขียวไอคอนิคที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความสนุกสนาน รวมทั้งดีไซน์ของร้าน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถปรับปรุงร้าน “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” โมเดลใหม่ ในเขตกรุงเทพและปริมนฑลให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ยังมีการปรับรูปแบบบริการโดยปรับลุค ‘ยูนิฟอร์มใหม่’ ทุกตำแหน่ง ซึ่งเกิดจากการทำงานร่วมกับแบรนด์ ASAVA ให้มีความโมเดิร์นกว่าเดิม ทั้งความสดใส ความกระฉับกระเฉง และที่สำคัญดูวัยรุ่นมากขึ้น ในขณะที่ตัวโพรดักซ์มีการปรับขนาดท็อปปิ้งที่เป็นคอร์อินกรีเดี้ยนให้ชิ้นใหญ่ขึ้นเพื่อให้มีรสสัมผัสท่เต็มปากเต็มคำมากขึ้น
ผลจากการดำเนินการRebranding ข้างต้นส่งผลให้ผลประกอบในช่วงไตรมาสที่ 2ของปี 2566 มีอัตราการเติบโตถึง 25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยช่องทางไดน์อิน เติบโต 40% เดลิเวอรี่เติบโต 27%ขณะที่ผู้บริหารยอมรับว่าเทคอเวย์ยังเป็นโจทย์ที่ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี”จะต้องทำให้เติบโตในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากช่องทางเดลิเวอรี่ 50% ไดน์อิน25% และเทคอเวย์ 25%
“คอนเซ็ปต์ในการRebrandครั้งนี้เราใช้คำว่า “The Game Changer” เพราะเราต้องการดึงลูกค้าปัจจุบันให้อยู่กับเราให้นานที่สุด ขณะเดียวกันเราต้องการที่จะดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆเข้ามาหาเราไม่ว่าจะเป็นช่องทางนั่งทานในร้าน เทคอเวย์ และเดลิเวอรี่โดยเราใช้นวัตกรรมต่างๆทั้ง product service และเดลิเวอรี่เข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงคำว่า “The Best Pizza Moment” ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าไปนั่งทานในร้านเพื่อ celebrate ต่างๆทั้งวันเกิด ประชุม การพบปะของกลุ่มเพื่อน ไปจนถึงเดลิเวรี่ซึ่งเรามีการเตรียมความพร้อมสำหรับการให้บริการใช้ทุกโมเมนต์”
ผู้บริหารกล่าวต่อไปว่า หลังจากการรีแบรนนดิ้งแล้ว “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” มั่นใจในโมเมนตัมที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และด้วย innovation ที่ใส่เพิ่มเข้าไปรวมกับอีเวนต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเชื่อว่า “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” จะสามารถรักษาโมเมนตัมเหล่านี้ไปจนถึงสิ้นปีได้ เบื้องต้นตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างการเติบโตโดยเฉลี่ย 25% ไปจนถึงสิ้นปีได้
โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดพิซซ่าอยู่ที่ราวๆ 1หมื่นล้านบาท “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี”มีมาร์เก็ตแชร์ตลาดราวๆ 70% ในปี 2566 นี้ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่ม 40 สาขาในโลเคชั่นกรุงเทพและปริมนฑล50% ต่างจังหวัด 50% เบื้องต้นมีการเปิดร้านใหม่ไปแล้ว 3 สาขาและอยู่ในไปป์ไลน์อีกกว่า 10สาขาคาดว่าจะใช้งบลงทุนราวๆ 6-10 ล้านบาทและภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น452สาขา
ขณะที่นางสาววิยะดา บูรณะภากรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ในช่วงนี้เป็นการดำเนินธุรกิจเป็นช่วงภาคต่อจากช่วงกุมภาพันธ์ โดยจะนำเสนอประสบการณ์ที่เป็น ‘The Best Pizza Moment’ ให้กับลูกค้าโดยมีทัชพอยท์หลายๆด้านเสริมกัน
เริ่มจากกลยุทธ์แรก New Membership Program ซึ่งเป็นบัตรสมาชิกใหม่ๆหรือ “The Pizza Club” เป็นการต่อยอดจากบัตรสมาชิกเดิมแต่ให้ความ exclusive มากกว่าทั้งสิทธิพิเศษมากกว่าเดิมและใช้ได้ตลอดทั้งปี ปัจจุบันมีสมาชิก2.3 ล้านเมมเบอร์ เบื้องต้นคาดว่า “The Pizza Club” จะสามารถขยายเมมเบอร์ใหม่ได้ 15% และดึงลูกค้าเดิมมาใช้บริการเพิ่มขึ้น 35% และทำให้ยอดขายเติบโต 30% เมื่อเทียบกับรูปแบบเก่า
ส่วนกลยุทธ์ถัดไปยังคง continue New Design หรือขยายร้านรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถขยายได้ถึง 100 สาขา ก่อนจะขยายให้ครบทั่วประเทศตามแผน 24 เดือน เพื่อให้ลูกค้าเข้ามามี‘The Best Pizza Moment’ มากขึ้น รวมทั้งยังมีการดีไซน์ไดอิน เอกพีเรียนซ์ในร้านขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้างให้ลูกค้าสามารถเข้าไปใช้เวลานั่งทานได้โดยจะมีการดีไซน์ใหม่ออกมาให้เห็นในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งจะสะท้อนความเป็นนิวแบรนด์ของ“เดอะ พิซซ่า คอมปะนี”ได้
นอกจากนี้ยังมีการปรับโฉมกล่องเดลิเวอรี LED ให้สดใสทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้แบรนด์ดูโดดเด่นและแตกต่างในตลาด ซึ่งนำร่องให้บริการ 9 คันแรก ในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ที่ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สาขา พันธ์ทิพย์
กลยุทธ์ถัดไป คือ New Core Menu ที่เน้นโดนใจ New generation มากขึ้น นอกจากการปรับสูตรเมนูพิซซ่าหลักให้มีท็อปปิ้งชิ้นใหญ่ขึ้น ปริมาณมากขึ้นอิ่มอร่อยจุใจกว่าเดิมและพรีเมียมมากขึ้น ในช่วงต้นปียังมีการออกเมนูใหม่ พิซซ่าแมงโก้ และล่าสุด พิซซ่าหน้าหมูชาบูและเนื้อชาบู ซึ่งครีเอทมาจากเสียงของลูกค้าที่ ต้องการเมนูที่แตกต่างและอยากลองสิ่งใหม่ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นโดยแต่ละเมนูพิเศษจะวางจำหน่ายราวๆ 7-8 วีค และในช่วงครึ่งปีหลังจะมีเมนูใหม่ๆตามมาอีกแน่นอน
นอกจากยังมีบริการที่ทั้งสร้างสรรค์ มีความกระฉับกระเฉง ทำไมลูกค้ารู้สึกเข้าถึงได้ง่ายขึ้นประกอบกับการที่จะมีพื้นที่ต่างๆมากมายให้ลูกค้าสามารถมาเห็นแก่กับแบรนด์ได้เช่น the pizza junior chef เวิร์คชอปที่เปิดพื้นที่ให้น้อง ๆ มาสวมบทบาทเป็นเชฟพิซซ่า เบื้องต้นนำร่อง10 สาขาในกรุงเทพฯและหัวเมืองต่างจังหวัดใหญ่ๆและในอนาคตจะขยายไปทั่วประเทศ
“ปัจุบันเรามีลูกค้า New generation 17% และจากกลยุทธ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะเกิดในอนาคตเราเชื่อว่าจะสามารถขยายกลุ่ม New generation ให้เติบโตได้ถึง 20% ในสิ้นปีนี้”