“ซิซซ์เล่อร์” ปักหมุดที่ 2 ขอเป็นผู้นำตลาด “Steak Series”

06 ธ.ค. 2565 | 12:28 น.

“ซิซซ์เล่อร์” ต่อยอดเจ้าตลาด "สลัดบาร์" เล็งขยาย “Steak Series” ประเดิมส่ง 3 เมนูสเต็กเนื้อพรีเมียมลงตลาดช่วง "เฟสทีพ ซีซั่น" ก่อนส่ง “Steak เนื้อและซีฟู๊ด" ลุยตลาดเพิ่มปีหน้า

หลังจากปักหมุดเป็นผู้นำตลาด “สลัดบาร์” ที่แบรนด์ไหนก็โค่นไม่ลงมานาน “ซิซซ์เล่อร์” เตรียมปักหมุดที่ 2 ในการเป็นผู้นำตลาด “สเต๊ก”ต่อ ควบคู่ไปกับเปิดสาขาโมเดลใหม่พรีเมียมกว่าเดิมเกาะทำเลชานเมืองและหัวเมืองใหญ่ สอดรับดีมานด์ผู้บริโภคหลังโควิดต้องการอาหารพรีเมียมขึ้น

“ซิซซ์เล่อร์”  ปักหมุดที่ 2 ขอเป็นผู้นำตลาด “Steak Series”

นายกรีฑากร ศิริอัฐ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และการเงิน บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของประเทศและอุตสาหกรรมอาหารดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาไม่ใช่แค่ไมเนอร์แต่รวมทั้งร้านอาหารหลายๆบริษัทภาพรวมดีขึ้นพอสมควร จากช่วงต้นปี 2022 ที่การเติบโตไม่ค่อยดีจากโควิดที่ลากยาว ดังนั้นไตรมาสที่1 จึงเป็นช่วงตั้งหลักก่อนจะดีขึ้นในไตรมาสที่2 ส่วนไตรมาสที่ 3 ยังคงทรงตัว และในไตรมาสที่4 สถานการณ์กลับมาดีขึ้นเพราะผู้บริโภคยังต้องกินต้องใช้ และคนไทยนิยมทานข้าวนอกบ้าน ดังนั้นในภาพรวมผู้บริโภคกลับมา แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะส่วนหนึ่งยังชินกับการเดลิเวอรี่ 

 

สำหรับ ซิซซ์เล่อร์ ภาพรวมมีการเติบโตทางธุรกิจตามกลยุทธ์และเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ตัวเลขยอดขายในไตรมาส 3 ค่อนข้างทำได้ดีดังนั้นในไตรมาส4 ซึ่งเป็นช่วง เฟสทีฟ ซีซั่น เชื่อว่าตัวเลขยอดขายน่าจะดีกว่าไตรมาสที่ 3 อย่างแน่นอนเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลซึ่งผู้บริโภคต้องการใช้จ่าย

นายกรีฑากร ศิริอัฐ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และการเงิน บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
อย่างไรก็ตามตลอดปี 2565 ซิซซ์เล่อร์ เดินหน้าปรับโฉมสาขาเดิมที่มีอยู่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น และขยายสาขาใหม่ภายใต้คอนเซปต์ “Healthy Food Happy Mood” ที่มุ่งเน้นร้านพื้นที่ขนาดกลาง พร้อมดีไซน์ใหม่ทั้งในส่วนของรูปแบบร้าน และเมนูอาหารรวมถึงสลัดบาร์พรีเมียม เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงในแต่ละพื้นที่ให้มากขึ้น โดยปัจจุบันได้เปิดตัวสาขาภายใต้คอนเซปต์ดังกล่าวไปทั้งหมด  7 สาขาและรีโนเวทร้านเดิมให้เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่  3 สาขา ส่งผลให้ภายในสิ้นปีนี้ ซิซซ์เล่อร์ จะมีสาขาทั่วประเทศทั้งหมดอยู่ที่ 61 สาขา

ในขณะที่ เดลิเวอรี รวมถึงบริการสั่งกลับบ้านยังเติบโตขึ้นจากพฤติกรรมผู้บริโภค และการกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคผ่านโปรโมชันต่าง ๆ รวมถึงโมเดล ซิซซ์เล่อร์ทูโก (Sizzler To Go) ที่เน้นให้บริการเมนูเครื่องดื่มตอบโจทย์วิถีชีวิตประจำวันที่มีความเร่งรีบและต้องการความสะดวก เช่น สถานีรถไฟฟ้า โรงพยาบาล ปัจจุบันมีอยู่ 4 สาขา 

 

“หลังจากนี้หาก ซิซซ์เล่อร์ จะเปิดสาขาใหม่จะเป็นรูปแบบใหม่ “Healthy Food Happy Mood” ทั้งหมด ส่วนร้านที่เปิดบริการไปแล้วจะเริ่มทยอยรีโนเวทให้เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ทั้งหมดเช่นกัน ตามวงจรของธุรกิจร้านอาหารที่ต้องรีโนเวทเป็นรูปแบบใหม่ทุกๆ 3-5 ปี ในส่วนของปีหน้ายังคงมีแผนเปิดสาขาและรีโนเวทร้านในไปป์ไลน์แต่ไม่ได้กำหนดว่าจะเปิดกี่สาขา ถ้าสถานการณ์เอื้ออำนวยและโลเคชั่นมีศักยภาพก็จะทำการขยายสาขาเพิ่ม

 

และในอนาคตเรามีแผนจะเปิดร้านที่ไซส์เล็กลง แต่พรีเมี่ยมขึ้น ดูดีขึ้นและทำยอดขายเพิ่มขึ้น รวมถึงโมเดล  Sizzler To Go ที่ปีนี้และปีหน้าจะยังชะลอการขยายสาขาเพื่อดูทิศทางว่าในอนาคตถ้าต้องขยายสาขาจะขยายโมเดลรูปไหนเช่นคาเฟ่สไตล์,คีออสหรือตู้”

“ซิซซ์เล่อร์”  ปักหมุดที่ 2 ขอเป็นผู้นำตลาด “Steak Series”

นอกจากการขยายสาขาแล้ว ซิซซ์เล่อร์ ยังให้ความสำคัญกับการรังสรรค์เมนูใหม่ ๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทั้งอาหารจานหลัก และสลัดบาร์จากวัตถุดิบระดับพรีเมียม และในช่วงปลายปีที่เป็นเทศกาลเฉลิมฉลอง ซิซซ์เล่อร์ มีเมนูเฟสทีฟออกมาที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายภาพรวมได้ดียิ่งขึ้น 

 

ส่วนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ซิซซ์เล่อร์ ยังคงเน้นหนักเรื่อง“Healthy Food Happy Mood” และทยอยปรับโฉมสาขาเดิมและขยายสาขาใหม่พร้อมการนำเสนอเมนูใหม่ ๆ ตามช่วงเทศกาลต่าง ๆ และมอบสิทธิพิเศษผ่านระบบ E-Member เพื่อสร้างสีสัน รวมทั้งกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจำนวน E-Member ปี 2566 คาดเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว

 

“กลยุทธ์ของซิซซ์เล่อร์ ปีหน้าโครงสร้างไม่ได้เปลี่ยน ธุรกิจหลักยังคงเป็น บุฟเฟต์สลัดบาร์ และ on top ด้วย deliveryเพื่อตามเทรนด์  ส่วนกลยุทธ์ทางการตลาดจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือโปรโมชั่นทั้งวันธรรมดาและวันพิเศษ รวมทั้งเรื่องของแบรนดิ้ง เช่นการรีโนเวทร้าน และการโฟกัสเรื่องE-Member จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 200,000 กว่าราย ปีหน้าเราตั้งใจที่จะเติบโต 2 เท่า เพราะด้วย 60 กว่าสาขาที่เรามี ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำที่ยังไม่ได้เป็นMember ซึ่งหลังจากโควิดคนเริ่มออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านทำให้จำนวน Loyalty Program E-Membe ที่กลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นประมาณ 40% ดังนั้นการตั้งเป้าหมายเพื่อ 2 เท่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

 

ผู้บริหารยังมองว่าความท้าทายของธุรกิจร้านอาหารคือความหลากหลายหรือคู่แข่งเยอะขึ้นจากการที่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดจำนวนมาก แต่ความโชคดีของ  ซิซซ์เล่อร์ คือไม่มีคู่แข่งทางตรง เพราะร้านสเต็กหรือร้านสลัดในตลาดเป็นคนละกลุ่มราคาและผู้บริโภคคนละกลุ่ม และอีกหนึ่งความท้าทายคือ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังโควิด จากรีเสิรชทั่วโลกพบว่าลูกค้ากำลังมองหา premium Beef มากขึ้นโดยเฉพะในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์อาหารปี2566 ที่เน้นไปทางอาหารพรีเมียม พิเศษและราคาแพงขึ้น

นายอนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์)

ด้านนายอนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ในเครือ เดอะ  ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่เป็นเทศกาลงานเฉลิมฉลอง ซิซซ์เล่อร์มีเมนูใหม่สำหรับฉลองเฟสทีฟ ซีซั่น กับ3 เมนูหลัก คือสเต๊กหมูโทมาฮอว์ค,สเต๊กเนื้อไพร์มริบและสเต๊กเนื้อบีฟลอยน์และกุ้งลายเสือซึ่งจะสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่ ซิซซ์เล่อร์ จะใช้ในปีหน้า คือ “Steak Series” เนื่องจากปัจจุบันคนคิดถึงสลัดบาร์จะคิดถึง ซิซซ์เล่อร์ แต่ปัจจุบันชื่อของSizzler มี SteaksและSeafoodอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ ซิซซ์เล่อร์ จะนำเสนอ อินกรีเดี้ยนและวัตถุดิบใหม่ออกมาเรื่อยๆ เพื่อให้คอสเต็กและซีฟู้ดได้ลิ้มลองเมนูใหม่ๆ

 

“สำหรับเมนูสเต็กปัจจุบันมีจำหน่ายใน 22 สาขาส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและหัวเมืองท่องเที่ยวโดย 3 เมนูไฮไลท์จะวางจำหน่ายตั้งแต่ 1 ธันวาคม2565-15 มกราคม 2566 หลังจากนั้นจะมี“Steak Series”ใหม่ออกมาต่อเนื่อง ส่วนกลยุทธ์การตลาดปีหน้าจะเน้นใน 3 เรื่องคือ ความสด พรีเมียมและคุณภาพ ขณะเดียวกันยังมีเมนูสเต๊กอีกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น หมู ไก่ ปลา หรือซีฟู้ดให้บริการ และในส่วนของสลัดบาร์มีการเพิ่มเมนูและวัตถุดิบพรีเมียมรวมทั้งหลุมซุปที่เพิ่มขึ้นเพื่อตอบรับความต้องการและเสียงเรียกร้องของลูกค้า ”