นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกกล้า กล่าวว่า การจัดงานเสวนา “กล้าเฟส : สุขอุราไทย” ขึ้นเพื่อเดินหน้านโยบายแปรรูปสินค้าเกษตร เป็นสินค้าพรีเมียม ขยายโอกาสให้เกษตรกร เพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันท่องเที่ยว โดยการแปรรูปเป็นสุรา เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าจากผลผลิตการเกษตรได้ เหมือนที่ต่างประเทศทำ
เช่น ญี่ปุ่น ยังนำเข้าข้าวจากประเทศไทยไปทำสุราชั้นดี ขายทั้งในประเทศ และกลับมาขายให้ประเทศไทย ทั้งที่ทำจากข้าวไทย จึงเกิดเป็นคำถามว่าทำไมประเทศไทยถึงผลิตเองไม่ได้ แล้วก็ค้นพบว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผลิต และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขายสุรา อย่าง พ.ร.บ.ควบคุม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังมีอุปสรรคหลายอย่างที่ไม่เอื้ออำนวย
“การเชิญผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน คนทำคนขายสุรา ไวน์ เบียร์ นักวิชาการ นักการตลาด นักการเมือง เข้าร่วมเสวนากันวันนี้ มีจุดมุ่งหมายอยากให้มีการปลดล็อกเงื่อนไขหลายๆ อย่าง ที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของคนตัวเล็กๆ ซึ่งสุราเป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่จะขยายขอบเขตไปถึงการขยายโอกาสอีกหลายๆ อย่าง ที่ไม่ใช่แค่ทำให้ขายง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังเพิ่มกำลังซื้อสินค้าเกษตร เพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยว ยํ้าว่าเราไม่ได้สนับสนุนให้คนดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้นแต่เราต้องการขยายโอกาสให้กว้างขึ้น ปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย ได้ประโยชน์ทั้งรายใหญ่และรายเล็ก”
ด้านนายธนากร คุปตจิตต์ ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) กล่าวว่า พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 รวมถึงกฎหมายลูกซึ่งบังคับใช้มากว่า 14 ปี มีปัญหาความคลุมเครือไม่ชัดเจน มีการใช้ดุลพินิจ จนก่อให้เกิดปัญหาการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม เป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจท่องเที่ยวและบันเทิง ร้านอาหาร และผู้ค้าปลีกต่าง ๆ
ตัวอย่างเช่น การห้ามขายระหว่างเวลา 14.00 – 17.00 น. และหลังเที่ยงคืน การห้ามขายผ่านช่องทางออนไลน์ และการควบคุมฉลาก ไม่ได้ทำให้ปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ลดลงตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่จะลดการดื่มอย่างเป็นอันตรายลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ภายในปี พ.ศ. 2568 แต่กลับสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งรัฐควรส่งเสริมการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคให้ตระหนักถึงโทษภัยของการดื่มอย่างเป็นอันตรายซึ่งเป็นป้องกันและแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
ขณะที่ผศ.ดร. เจริญ เจริญชัย นักวิชาการด้านเทคโนโลยีอาหาร แอดมินเพจสุราไทย และผู้เสนอร่างแก้ไขพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นในการรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน10,942 คน เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ว่า มีข้อกฎหมายที่ซํ้าซ้อนกับกฎหมายอื่นที่มีอยู่แล้ว สร้างความเดือดร้อนหวาดกลัวแก่ผู้ทำสุราพื้นบ้าน ผู้ประกอบการรายเล็ก ผู้บริโภค
รวมถึงแอดมินเพจซึ่งโพสต์ภาพหรือเนื้อหาเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งที่ไม่มีเป้าหมายทางการค้า แต่ต้องถูกดำเนินคดี เพราะกฎหมายมุ่งเน้นการควบคุมอย่างเข้มงวด ไม่ใช่การกำกับดูแลละเมิดสิทธิของผู้บริโภค กีดกันภาคเอกชนจากการมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย โดยเนื้อหาของร่างแก้ไขกฎหมาย ปรับปรุงให้เหมาะสมกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) โดยเฉพาะในประเด็นด้านการท่องเที่ยวและการส่งเสริมผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่
นางสาวสุวิสุทธิ์ โลหิตนาวี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ กราน-มอนเต้ (GranMonte) เขาใหญ่ (มีมี่ กราน-มอนเต้) กล่าวว่า วันนี้ภูมิใจมากที่ไวน์ไทยแท้ ได้รับการยอมรับและเป็นที่ชื่นชอบของบริโภคทั้งในและต่างประเทศ ได้รับรางวัลเหรียญเงินและเหรียญทองจากเวทีระดับโลก ไร่องุ่นและไวเนอรี่ถูกพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวครบวงจร
แต่กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ตอบโจทย์ด้านการส่งเสริมหรือพัฒนาการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม แล้วยังด้อยค่าบรรยากาศการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงมาที่ไร่ แต่ต้องห้ามเสิร์ฟและขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วง 14.00 – 17.00 น. ทำให้นักท่องเที่ยวต้องผิดหวัง ดื่มและซื้อไวน์กลับไม่ได้ ขายออนไลน์ก็ไม่ได้ สวนทางกับกระแสโลกและเทรนด์ผู้บริโภค
นายศุภพงษ์ พรึงลำภู หุ้นส่วนโรงเบียร์สหประชาชื่น (ตูน Sandport) กล่าวบนเวทีเสวนาเดียวกันว่า นอกจากวิกฤติโควิด 19 ที่สถานประกอบการถูกสั่งปิดยาวนาน กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังซ้ำเติม กีดกันการฟื้นฟูและเติบโตของสตาร์ทอัพ (Startup) และเอสเอ็มอี (SME) ปิดกั้นเสรีภาพและความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
ทำให้อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยขาด ความหลากหลาย คราฟท์เบียร์ของคนไทยคนตัวเล็กไม่สามารถแข่งขันได้ แม้ว่าจะมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ การันตีด้วยรางวัลระดับโลกก็ตาม กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงเป็นกฎหมายหวังดี ที่หลงลืมสิทธิเสรีภาพของผู้ประกอบการและผู้บริโภค คนดื่มถูกสร้างภาพให้เป็น “คนบาป” คนทำคนขายเหล้าถูกประณามว่าเป็น “คนไม่ดี”
ปัญหาการดื่มอย่างผิดๆ ต้องแก้ที่การให้ความรู้ ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดื่มอย่างพอดีและรับผิดชอบ ลงโทษผู้เมาแล้วขับอย่างตรงไปตรงมา อยากเห็นรัฐบาลไทยเหมือนรัฐบาลต่างประเทศ ที่ส่งเสริมคราฟท์เบียร์ สุราพื้นบ้าน ทำเป็น Soft Power สร้างรายได้ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ เหมือนเบียร์เยอรมันและเบลเยี่ยม สาเกของญี่ปุ่น โซจูของเกาหลี และสก็อตวิสกี้