สืบเนื่องจากกรณี "ฐานเศรษฐกิจ" รายงานก่อนหน้านี้ ว่า สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ( ป.ย.ป.) เปิดรับฟังความเห็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งหรือประกอบอาชีพในกฎหมายของบุคคลล้มละลาย พ.ศ. .... บนเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 จนถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2567
เป็นการ "ล้างบาป" ให้ "บุคคลล้มละลาย" สามารถเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญในภาครัฐและเอกชน รวมถึงรับราชการได้
ร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมฯ บุคคลล้มละลาย มาตรา 4 ระบุให้แก้ไข พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 13 ฉบับ โดยแก้ไข "คำนิยาม" จาก "บุคคลล้มละลาย" เปลี่ยนเป็น "บุคคลล้มละลายทุจริต" ให้เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามการดำรงตำแหน่ง อาทิ ประธานกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เลขาธิการ ก.ล.ต. และ "บอร์ด" บริษัทหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รวมถึง อธิการบดี นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย
หัวใจของ “กฎหมายล้างบาปคนล้มละลาย” อยู่ที่มาตรา 3 ที่ระบุว่า “บุคคลล้มละลายทุจริต” หมายความว่า บุคคลล้มละลายที่ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตามมาตรา 163 ถึงมาตรา 170 ตาม “กฎหมายล้มละลาย”
มาตรา 163 "ฝ่าฝืน" มาตรา 23 มาตรา 30 หรือมาตรา 67 (1) หรือ (2) โดยไม่มีข้อแก้ตัวอันสมควร
1.ภายใน 24 ชั่วโมงลูกหนี้ต้องไปสาบานตัวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และยื่นคำชี้แจงตามแบบพิมพ์ว่า ได้มีหุ้นส่วนกับผู้ใดหรือไม่
2.ภายใน 7 วัน ลูกหนี้ต้องสาบานตัวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ยื่นคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สิน แสดงเหตุผลมีหนี้สินล้นพ้นตัว
(1) ลูกหนี้จะต้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดจำนวนเงินเพื่อใช้จ่ายเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวตามสมควรแก่ฐานานุรูป และลูกหนี้ต้องส่งเงินหรือทรัพย์สินที่เหลือแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภารในเวลาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดพร้อมบัญชีรายจ่าย
(2) ลูกหนี้ต้องรายงานสิทธิรับทรัพย์สินเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในระยะเวลาอันสมควร และต้องแสดงบัญชีรายรับจ่ายต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทุก 6 เดือน
บุคคลซึ่งประกอบพาณิชยกิจตามที่ระบุไว้ในกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนพาณิชย์คนใดไม่มีบัญชีย้อนหลังขึ้นไป 3 ปีนับแต่วันที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
ในระหว่างเวลา 6 เดือนก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือภายหลังนั้นแต่ก่อนเวลาที่พ้นจากล้มละลาย ลูกหนี้คนใดออกไปหรือพยายามจะออกไปนอกราชอาณาจักร โดยนำทรัพย์สิน ซึ่งตามกฎหมายต้องเอาไว้แบ่งใช้หนี้แก่เจ้าหนี้ราคาเกินกว่า 2,000 บาทออกไปด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้มีเจตนาฉ้อฉล
เมื่อศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ลูกหนี้คนใดซ่อนตัวหรือหลบไปเสียจากที่ ๆ เคยอยู่หรือทำการค้า หรือประกอบธุรกิจแห่งสุดท้าย หรือออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหมายเรียก หรือหมายนัดของศาลในคดีล้มละลาย
หรือหลีกเลี่ยงการที่จะถูกสอบสวนหรือไต่สวนเกี่ยวกับกิจการหรือทรัพย์สินของตน หรือทำให้เกิดความลำบากขัดข้องแก่กระบวนพิจารณาคดีล้มละลาย
เมื่อศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ลูกหนี้คนใดกระทำการฉ้อฉล หรือให้ หรือเสนอให้ หรือตกลงว่าจะให้ประโยชน์ใด ๆ แก่เจ้าหนี้ โดยมุ่งหมายที่จะได้รับความยินยอมของเจ้าหนี้นั้นในการขอประนอมหนี้หรือข้อตกลงเกี่ยวกับกิจการหรือการล้มละลายของตน หรือเพื่อไม่ให้มีการคัดค้านการขอปลดจากล้มละลาย
นอกจากนี้ยังรวมถึง เป็นบุคคลล้มละลายอันเนื่องมาจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการกระทำ “ความผิดฐานยักยอก” หรือ “ฉ้อโกง” ตามประมวลกฎหมายอาญา
รวมถึงกระทำผิดอันมีลักษณะเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการ “ฉ้อโกงประชาชน” ตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง