ส่อง "ฐานความผิด" ไม่เข้าข่าย "ล้างบาปคนล้มละลาย"

16 พ.ค. 2567 | 08:15 น.
อัปเดตล่าสุด :16 พ.ค. 2567 | 08:45 น.

ส่อง "ฐานความผิด" ร่าง "กฎหมายล้างบาปคนล้มละลาย" ฉบับเปิดรับฟังความเห็น ยักยอก ฉ้อฉล ฉ้อโกง-ฉ้อโกงประชาชน ไม่เข้าข่าย "ล้างมลทิน" นั่งประธาน-บอร์ด ก.ล.ต.-บจ.

สืบเนื่องจากกรณี "ฐานเศรษฐกิจ" รายงานก่อนหน้านี้ ว่า สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ( ป.ย.ป.) เปิดรับฟังความเห็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งหรือประกอบอาชีพในกฎหมายของบุคคลล้มละลาย พ.ศ. .... บนเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 จนถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2567

เป็นการ "ล้างบาป" ให้ "บุคคลล้มละลาย" สามารถเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญในภาครัฐและเอกชน รวมถึงรับราชการได้   

ร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมฯ บุคคลล้มละลาย มาตรา 4  ระบุให้แก้ไข พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 13 ฉบับ โดยแก้ไข "คำนิยาม" จาก "บุคคลล้มละลาย" เปลี่ยนเป็น "บุคคลล้มละลายทุจริต" ให้เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามการดำรงตำแหน่ง อาทิ ประธานกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เลขาธิการ ก.ล.ต. และ "บอร์ด" บริษัทหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รวมถึง อธิการบดี นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย

หัวใจของ “กฎหมายล้างบาปคนล้มละลาย” อยู่ที่มาตรา 3 ที่ระบุว่า “บุคคลล้มละลายทุจริต” หมายความว่า บุคคลล้มละลายที่ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตามมาตรา 163 ถึงมาตรา 170 ตาม “กฎหมายล้มละลาย”

มาตรา 163 "ฝ่าฝืน" มาตรา 23 มาตรา 30 หรือมาตรา 67 (1) หรือ (2) โดยไม่มีข้อแก้ตัวอันสมควร 

  • มาตรา 23 เมื่อลูกหนี้รับทราบคำพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ลูกหนี้ต้องส่งมอบทรัพย์สิน ดวงตรา สมุดบัญชี และเอกสารเกี่ยวกับทรัพย์สินและกิจการที่อยู่ในความครอบครองให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทั้งหมด 
  • มาตรา 30 เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว

1.ภายใน 24 ชั่วโมงลูกหนี้ต้องไปสาบานตัวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และยื่นคำชี้แจงตามแบบพิมพ์ว่า ได้มีหุ้นส่วนกับผู้ใดหรือไม่

2.ภายใน 7 วัน ลูกหนี้ต้องสาบานตัวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ยื่นคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สิน แสดงเหตุผลมีหนี้สินล้นพ้นตัว 

  • มาตรา 67 ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้หรือพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายแล้วและยังไม่ได้สั่งปลดจากล้มละลาย 

(1) ลูกหนี้จะต้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดจำนวนเงินเพื่อใช้จ่ายเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวตามสมควรแก่ฐานานุรูป และลูกหนี้ต้องส่งเงินหรือทรัพย์สินที่เหลือแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภารในเวลาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดพร้อมบัญชีรายจ่าย 

(2) ลูกหนี้ต้องรายงานสิทธิรับทรัพย์สินเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในระยะเวลาอันสมควร และต้องแสดงบัญชีรายรับจ่ายต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทุก 6 เดือน

  • ละเว้นไม่แจ้งข้อความอันเป็นสาระสำคัญ หรือกล่าวเท็จเกี่ยวกับกิจการหรือทรัพย์สินของจนต่อศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่า ไม่ได้มีเจตนาฉ้อฉล 
  • ไม่ได้แจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบภายในกำหนดเวลา 1 เดือน เมื่อได้ทราบหรือมีเหตุผลอันสมควรเชื่อมได้ว่ามีผู้นำหนี้สินอันเป็นเท็จมาขอรับชำระในคดีล้มละลาย 

มาตรา 164

  • ยักย้าย ซุกซ่อน ทำลาย ก่อความชำรุด หรือเปลี่ยนแปลงดวงตรา สมุดบัญชี หรือเอกสารอันเกี่ยวกับกิจการหรือทรัพย์สินของตน หรือรู้เห็นเป็นใจด้วยการกระทำนั้น ๆ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า มิได้มีเจตนาปกปิดสภาพแห่งกิจการของตน 
  • ละเว้นจดข้อความอันเป็นสาระสำคัญ หรือจดข้อความเท็จลงในสมุดบัญชีหรือเอกสารอันเกี่ยวกับกิจการหรือทรัพย์สินของตน หรือรู้เห็นเป็นใจในการนั้น 
  • นำทรัพย์สินซึ่งได้มาโดยเชื่อและยังมิได้ชำระราคาไปจำนำ จำนอง หรือจำหน่าย เว้นแต่การเป็นปกติธุระของลูกหนี้ และพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้มีเจตนาฉ้อฉล 
  • รับสินเชื่อจากบุคคลอื่นโดยใช้อุบายหลอกลวง หรือซุกซ่อน โอน หรือส่งมอบทรัพย์สินของตนโดยทุจริต หรือกระทำหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำให้ทรัพย์สินของตนต้องมีภาระผูกพันขึ้นโดยทุจริต หรือยอมหรือสมยอมกับบุคคลอื่นให้ศาลพิพากษาให้ตนต้องชำระหนี้ซึ่งตนไม่ควรต้องชำระ

มาตรา 165

  • รับสินเชื่อจากผู้อื่นมีจำนวนตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป โดยมิได้แจ้งให้ผู้นั้นทราบว่าตนถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือล้มละลาย
  • ประกอบการค้าหรือธุรกิจโดยใช้นามตัวหรือนามสมญาผิดจากที่ตนถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือล้มละลาย และในการนั้นได้รับสินเชื่อจากบุคคลอื่นโดยมิได้แจ้งให้ผู้นั้นทราบว่าตนถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือล้มละลาย 
  • ประกอบการค้าหรือธุรกิจโดยใช้นามหรือสมญาของผู้อื่นบังหน้า
  • ประกอบการค้าหรือธุรกิจโดยใช้นามตัวหรือนามสมญาผิดไปจากที่ตนถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือล้มละลาย โดยมิได้โฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันอย่างน้อย 2 ฉบับ 

มาตรา 166 

  • เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบถามหรือศาลทำการไต่สวน ลูกหนี้ไม่สามารถให้เหตุผลอันสมควรถึงการที่ได้เสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมากในระหว่างเวลา 1 ปีก่อนมีการขอให้ล้มละลาย หรือภายหลังนั้นแต่ก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ 
  • กระทำหนี้สินอันพึงขอรับชำระในคดีล้มละลายโดยไม่มีเหตุอันน่าเชื่อว่าจะสามารถชำระหนี้นั้นได้

มาตรา 167

บุคคลซึ่งประกอบพาณิชยกิจตามที่ระบุไว้ในกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนพาณิชย์คนใดไม่มีบัญชีย้อนหลังขึ้นไป 3 ปีนับแต่วันที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด 

มาตรา 168

ในระหว่างเวลา 6 เดือนก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือภายหลังนั้นแต่ก่อนเวลาที่พ้นจากล้มละลาย ลูกหนี้คนใดออกไปหรือพยายามจะออกไปนอกราชอาณาจักร โดยนำทรัพย์สิน ซึ่งตามกฎหมายต้องเอาไว้แบ่งใช้หนี้แก่เจ้าหนี้ราคาเกินกว่า 2,000 บาทออกไปด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้มีเจตนาฉ้อฉล 

มาตรา 169

เมื่อศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ลูกหนี้คนใดซ่อนตัวหรือหลบไปเสียจากที่ ๆ เคยอยู่หรือทำการค้า หรือประกอบธุรกิจแห่งสุดท้าย หรือออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหมายเรียก หรือหมายนัดของศาลในคดีล้มละลาย

หรือหลีกเลี่ยงการที่จะถูกสอบสวนหรือไต่สวนเกี่ยวกับกิจการหรือทรัพย์สินของตน หรือทำให้เกิดความลำบากขัดข้องแก่กระบวนพิจารณาคดีล้มละลาย 

มาตรา 170

เมื่อศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ลูกหนี้คนใดกระทำการฉ้อฉล หรือให้ หรือเสนอให้ หรือตกลงว่าจะให้ประโยชน์ใด ๆ แก่เจ้าหนี้ โดยมุ่งหมายที่จะได้รับความยินยอมของเจ้าหนี้นั้นในการขอประนอมหนี้หรือข้อตกลงเกี่ยวกับกิจการหรือการล้มละลายของตน หรือเพื่อไม่ให้มีการคัดค้านการขอปลดจากล้มละลาย 

นอกจากนี้ยังรวมถึง เป็นบุคคลล้มละลายอันเนื่องมาจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการกระทำ “ความผิดฐานยักยอก” หรือ “ฉ้อโกง” ตามประมวลกฎหมายอาญา

รวมถึงกระทำผิดอันมีลักษณะเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการ “ฉ้อโกงประชาชน” ตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง