สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า กองทัพสหรัฐฯ และอังกฤษยังคงเดินหน้าโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมนต่อไป โดยเมื่อที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา สหรัฐฯโจมตีกลุ่มฮูตีต่อเนื่องทุกวันเเต่กลุ่มฮูตีเลิกโจมตีก็ยังไม่เลิกเรือสินค้าในทะเลแดงไม่ได้
การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้เรือบรรทุกสินค้าเลี่ยงเส้นทางทะเลแดงด้วยการอ้อมแหลมกู้ดโฮปของแอฟริกา ทำให้อียิปต์สูญเสียรายได้จากการเรียกเก็บค่าผ่านทางในคลองสุเอซมากถึง 42% รวมทั้งกระทบต่อจิบูตี เคนยาและแทนซาเนีย ซึ่งมีรายได้จากการขนส่งสินค้าในคลองดังกล่าว
"คลองสุเอซ" เป็นแหล่งรายได้เงินสกุลต่างชาติที่สำคัญของอียิปต์ โดยรายได้ของคลองสุเอซในอียิปต์ลดลงเกือบครึ่งในปีนี้ หลังการโจมตีโดยกลุ่มฮูตีในเยเมน แสดงจุดยืนประท้วงสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซา
กลุ่มฮูตีได้โจมตีเรือต่างๆ ในภูมิภาค ส่งผลให้บริษัทขนส่งชั้นนำหลีกเลี่ยงผ่านเส้นทางคลองสุเอซของอียิปต์โดยเดินทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮปในแอฟริกาใต้แทน
ประธานาธิบดีอียิปต์ อับเดล-ฟัตตาห์ เอล-ซิซี กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ว่า รายได้จากคลองสุเอซลดลงประมาณ 40 - 50 % และหัวหน้าหน่วยงานคลองสุเอซ (The Suez Canal Authority) กล่าวในแถลงการณ์ว่า รายได้ของคลองลดลงเหลือ 428 ล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2567 เทียบกับ 804 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการจราจรทางเรือในเส้นทางน้ำลดลง 30 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566
อียิปต์กำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรงนับตั้งแต่การปฏิวัติในปี 2554 โดยมีค่าเงินที่อ่อนค่า เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น และเงินทุนต่างชาติไหลออก สัญญาณทั้งหมดของวิกฤตหนี้ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ความท้าทายทางเศรษฐกิจมหภาค ส่งผลกระทบอย่างมากต่อชาวอียิปต์ รวมถึงความยากจนและการว่างงานที่เพิ่มขึ้น
ความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในแง่การลดค่าเงินปอนด์อียิปต์ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ตามสัญญาที่อียิปต์ให้ไว้กับ IMF เพื่อแลกกับเงินกู้ก้อนล่าสุดเมื่อปลายปี 2565 มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ