“ฮูตี”โจมตีเรือในทะเลแดง ดันขนส่งทางอากาศพุ่ง “ลุฟท์ฮันซ่า”รับอานิสงส์

24 ก.พ. 2567 | 08:55 น.

ผลพวง“กลุ่มฮูตี” ยังโจมตีเรือสินค้าวิ่งผ่านทะเลแดงไม่เลิก ขนส่งสินค้าหันมาพึ่งพิงทางอากาศมากขึ้นแม้ต้นทุนสูง “ลุฟท์ฮันซ่า” รับอานิสงส์ หลังค่ายรถยนต์ในเยอรมันหันใช้บริการเพิ่ม เพื่อรักษาห่วงโซ่การผลิต

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต.) ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสื่อของเยอรมนีว่า จากปัญหา และสถานการณ์การโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงของกลุ่มฮูตีที่ยังดำเนินอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาคเอกชนต่างก็หันไปพึ่งพาการขนส่งสินค้าด้วยเครื่องบินมากขึ้น

โดยโฆษกหญิงของ Lufthansa Cargo เปิดเผยว่า ปัจจุบันปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเส้นทางระหว่างเอเชีย – ยุโรป นอกจากนี้ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา Lufthansa ได้ให้บริการจัดส่งชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ล่าสุดบริษัท Stellantis ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Opel ได้ตัดสินใจขนส่งชิ้นส่วนรถยนต์ทางอากาศเป็นการชั่วคราว

ขณะที่ บริษัท Volkswagen เองก็เริ่มจัดส่งชิ้นส่วนรถยนต์จำนวนมากทางอากาศเช่นกัน เพื่อรักษาห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ ไม่ให้ขาดตอน ด้านอุตสาหกรรมเคมีก็พบว่า การขนส่งทางอากาศเป็นอีกหนึ่งวิธีในการแก้ปัญหาการขนส่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยโฆษกของบริษัท Evonik  ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเคมีภัณฑ์พิเศษเปิดเผยว่า บริษัทฯ กำลังพิจารณาที่จะใช้บริการการขนส่งทางอากาศเพื่อลดปัญหาการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทานเช่นกัน โดยจะพิจารณาเส้นทางบินเป็นรายกรณีไป

สำหรับกลุ่มฮูตีที่มีที่มั่นในเยเมนได้ออกมาโจมตีเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่เดินทางผ่านทะเลแดงเป็นระยเวลาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งสหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้ออกมาประกาศตอบโต้และมุ่งเป้าที่จะโจมตีทางทหารในฐานที่มั่นของกบฏฮูตีคืน ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้บริษัทขนส่งอย่าง Hapag-Lloyd ระงับการเดินเรือผ่านช่องแคบบับเอลมันเดบ (Bab al-Mandab) และคลองสุเอซในทันที ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญที่สุดของโลก แต่เรือต่าง ๆ กลับต้องหันหัวเรือไปผ่านทวีปแอฟริกาหรือแหลมกู๊ดโฮปแทน ซึ่งแน่นอนว่า การเดินทางในเส้นทางนี้จะต้องใช้เวลานานกว่ามากและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

จากรายงานรายสัปดาห์ของบริษัทผู้ให้บริการข้อมูล World ACD ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งทางอากาศได้แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2024 ปริมาณสินค้าที่ขนส่งทางอากาศระหว่างเส้นทางจากเอเชียแปซิฟิกไปยังยุโรปเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปลายเดือนธันวาคม 2023 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่งสินค้า จากเดิมที่ใช้การขนส่งทางทะเลเป็นหลัก ไปใช้การขนส่งทางอากาศแทนในบางส่วน จากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเลแดง ซึ่งหมายถึงว่าต้นทุนค่าขนส่งของบริษัทต่าง ๆ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากข้อมูลจาก Freigthos ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในการรับจองพื้นที่ในการขนส่งสินค้า ทำให้ทราบว่า กล่องขนาดกลางน้ำหนักไม่เกิน 2,000 ปอนด์ หรือ 907 กิโลกรัม เมื่อจัดส่งทางเรือจากจีนไปยังสหรัฐอเมริกามีค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยประมาณ แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้การขนส่งทางอากาศแทน ที่น้ำหนักเดียวกันจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แทน ซึ่งมากกว่าการขนส่งทางเรือถึง 5 เท่า

อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้จะต้องนำมาพิจารณารวมเป็นต้นทุนในการผลิตด้วย ตัวอย่างเช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลของบริษัท Wakeo คาดว่า อาจมีการหยุดสายการผลิตขึ้นได้ เนื่องจากปัญหาการจัดส่งชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 20,000 ยูโร/นาที สิ่งนี้เองเป็นเหตุผลว่า ทำไมบางบริษัทจึงพร้อมที่จะใช้กลยุทธ์ในการขนส่งทางอากาศเพื่อป้องกันปัญหาการหยุดการผลิตนั้นเอง แต่ก็ยังมีข่าวดีสำหรับคนบริหารจัดการชิ้นส่วนในบริษัท เพราะในเวลานี้ราคาค่าขนส่งทางอากาศยังไม่เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นก็ตาม

จากข้อมูลของ World ACD ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม 2024 ลูกค้าต้องชำระ 2.34 ดอลลาร์สหรัฐฯ /1 กิโลกรัม ซึ่งน้อยกว่า ที่สายการบินเรียกเก็บในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2024 ที่เรียกเก็บที่ 2.37 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งราคาที่ลดลงในช่วงเปลี่ยนปีนี้ เป็นเรื่องปกติสำหรับการขนส่งทางอากาศเพราะการค้าขายในช่วงคริสต์มาสสิ้นสุดลง ซึ่งนี้ก็เป็นปัจจัยหลักอีกหนึ่งประการที่ทำให้วิกฤตการณ์ในทะเลแดงยังไม่ทำให้ราคาค่าขนส่งทางอากาศสูงขึ้น เนื่องจากในเวลานี้สายการบินต่าง ๆ ทั่วโลกยังมีความสามารถในการขนส่งมากกว่าที่จำเป็นอยู่

 ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมประเมินว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ขนส่งสินค้าทางอากาศสูงกว่าที่ตลาดต้องการประมาณ 25% แม้ว่าจะมีการย้ายมาใช้บริการบรรทุกสินค้าทางอากาศแบบด่วนในบางเส้นทางก็มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อราคาเท่านั้น เพราะมีพื้นที่เพียงพอและมีการการแข่งขันที่ดุเดือดนั่นเอง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หากความขัดแย้งในทะเลแดงยังยืดเยื้อต่อไป นักวิเคราะห์จาก Bernstein Research คาดว่า ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าค่าระวางเรือน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก

 เมื่อเรือขนส่งสินค้าจำเป็นต้องเลือกใช้เส้นทางผ่านแหลมกู๊ดโฮปซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานขึ้น จึงทำให้ค่าธรรมเนียมในการค่าขนส่งสินค้าทางทะเลเพิ่มขึ้น 2 ถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2023 ซึ่งทำให้เสียเปรียบด้านการแข่งขัน ในเวลาเดียวกันความจุส่วนเกินในการขนส่งทางอากาศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (Iata – International Air Transport Association) คาดว่า ตลอดทั้งปีปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น 5% โดยประมาณ