เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๗ เว็บไซด์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศสํานักงานสถิติแห่งชาติ เรื่อง รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดําเนินการในการสํารวจภาวะการทํางานของประชากร พ.ศ. ๒๕๖๗
ด้วยสํานักงานสถิติแห่งชาติ จะดําเนินการสํารวจภาวะการทํางานของประชากร พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยสัมภาษณ์ครัวเรือนที่ตกเป็นตัวอย่าง เพื่อให้การสํารวจดังกล่าวสามารถนําไปใช้ในการวางแผนพัฒนา กําลังแรงงาน กําหนดนโยบาย ประกอบการตัดสินใจและติดตามประเมินนโยบายของรัฐบาล ในด้านการส่งเสริม และสนับสนุนการจ้างงาน รวมทั้งใช้เป็นเครื่องชี้วัดภาวะเศรษฐกิจในระดับมหภาค
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ และกฎกระทรวง การสํารวจตัวอย่างภาวะการทํางานของประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ จึงประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับ วิธีดําเนินการในการสํารวจภาวะการทํางานของประชากร พ.ศ. ๒๕๖๗ ดังต่อไปนี้
๑. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
เก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ของสํานักงานสถิติแห่งชาติ ออกไปทําการสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนส่วนบุคคล โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์พกพาขนาดกลาง (Tablet) ในการบันทึกข้อมูล
๒. รายละเอียดของแบบสอบถามและวิธีการบันทึกแบบสอบถาม
รายละเอียดปรากฏตามแบบ “การสํารวจภาวะการทํางานของประชากร พ.ศ. ๒๕๖๗”
๓. ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล
พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือน ตามคุ้มรวม ในวันที่ ๑ – ๑๒ ของทุกเดือน ในปี พ.ศ. ๒๕๖๗
๔. ข้อมูลอื่นที่ประชาชนควรทราบ
๔.๑ ข้อมูลที่ได้จากการสํารวจภาวะการทํางานของประชากร พ.ศ. ๒๕๖๗ จะนําไปใช้ ในการจัดทําสถิติวิเคราะห์ หรือวิจัย เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ต่อการเก็บภาษีบุคคล หรือภาษีอื่น ๆ และไม่เกี่ยวกับสถานภาพการอยู่อาศัยของบุคคล
๔.๒ บุคคลซึ่งมีหน้าที่จะต้องให้ข้อมูลตามประกาศฉบับนี้ หมายถึง สมาชิกของครัวเรือน ส่วนบุคคลและครัวเรือนกลุ่มบุคคลที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาลทุกจังหวัดทั่วประเทศที่ตกเป็นครัวเรือนตัวอย่าง
๔.๓ พระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๘ กําหนดให้เป็นหน้าที่ของบุคคล ที่จะต้องให้ข้อมูลตามวิธีการที่กําหนดในประกาศนี้ ผู้ใดไม่ให้ข้อมูล หรือไม่กรอกแบบสอบถาม ตามวิธีการที่กําหนดในประกาศนี้ หรือไม่ส่งคืนแบบสอบถามที่ได้กรอกรายการแล้วแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ภายในระยะเวลาที่กําหนดในประกาศนี้
หรือไม่ให้ความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ในการเข้าไปในอาคาร หรือที่ทําการของบุคคล ซึ่งจะต้องให้ข้อมูลหรือกรอกแบบสอบถาม ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาอื่นใดที่บุคคลซึ่งจะต้องให้ข้อมูลได้แจ้งให้ทราบ เพื่อสอบถามข้อมูล หรือดําเนินการกรอกแบบสอบถาม หรือเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามพันบาท
๔.๔ บุคคลซึ่งมีหน้าที่จะต้องให้ข้อมูลตาม ๔.๒ ที่จงใจให้ข้อมูลเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจําคุก ไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องตามความเป็นจริง
๔.๕ สํานักงานสถิติแห่งชาติ จะดําเนินการตามมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเคร่งครัด ตามพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นหลักประกันมิให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซึ่งต้องให้ข้อมูล
โดยจะนําข้อมูลเฉพาะบุคคล หรือ เฉพาะราย ที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ไว้ หรือ กรอกแบบสอบถามไปใช้ในการจัดทําสถิติ วิเคราะห์ หรือวิจัยเท่านั้น หากพบว่าเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน มีการฝ่าฝืนโดยนําข้อมูล เฉพาะบุคคลหรือเฉพาะรายไปเปิดเผยข้อมูลต่อบุคคลอื่น ซึ่งไม่มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้
หรือมิใช่กรณีเปิดเผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวน หรือ การพิจารณาคดีที่ต้องหาว่ากระทําความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเปิดเผยต่อส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการจัดทําสถิติ วิเคราะห์ หรือวิจัย ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูล และต้องไม่ระบุ หรือ เปิดเผยถึงเจ้าของข้อมูลหน่วยงาน จะดําเนินการทางอาญาต่อเจ้าหน้าที่ผู้ฝ่าฝืนทันที
๔.๖ พนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากผู้อํานวยการสํานักงานสถิติแห่งชาติ มีอํานาจตามพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ในการเข้าไปในอาคาร หรือ ที่ทําการของบุคคล ซึ่งจะต้องให้ข้อมูลหรือกรอกแบบสอบถาม ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ถึง พระอาทิตย์ตก หรือในเวลาอื่นใดที่บุคคลนั้นได้แจ้งให้ทราบ เพื่อสอบถามข้อมูล หรือเป็นการกรอกแบบสอบถาม หรือเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
ในการนี้บุคคลดังกล่าว ต้องอํานวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ตามสมควร
ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องแสดงบัตรประจําตัวแก่ผู้ต้องให้ข้อมูล หรือผู้เกี่ยวข้อง ก่อนการสอบถามข้อมูลทุกครั้ง
คลิกอ่านเพิ่มเติม : สํารวจภาวะการทํางานของประชากร