ลุยทางคู่ “เหนือ-อีสาน” 1.5 แสนล้าน เวนคืน 16,260 แปลง จบปี67

15 พ.ย. 2566 | 07:21 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2566 | 08:50 น.

“คมนาคม” เปิดแผนคืบหน้ารถไฟทางคู่สายเหนือ-อีสาน วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท เร่งเวนคืนที่ดินจบภายในปี 67 สองเส้นทาง 16,260 แปลง มูลค่า 20,680 ล้าน เดินหน้าส่งมอบพื้นที่

การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)เร่งรัดจัดกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างรถไฟทางคู่ใหม่สายเหนือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ สายอีสาน ช่วง ช่วงบ้านไผ่-นครพนม โดยทั้งสองเส้นทางเป็นโครงการใหม่ต้องเวนคืนวางระบบรางใหม่ทั้งหมด ปัจจุบันผู้รับเหมาลงพื้นที่ก่อสร้างแล้ว และมีเป้าหมายก่อสร้างสายเหนือแล้วเสร็จในปี 2571 ขณะที่สายอีสานจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2570 ส่วนการเวนคืน เส้นทางสายเหนือ ได้รับผลกระทบ จำนวน 7,500 แปลง วงเงิน 10,600 ล้านบาท ปัจจุบันเวนคืนคืนหน้าไปกว่า80% ส่วนเส้นทางสายอีสาน ได้รับผลกระทบ รวม 8,760 แปลง พื้นที่เวนคืนประมาณ 17,499 ไร่ 10,080 ล้านบาท

 

ย้อนที่ผ่านมา การประมูลรถไฟทางคู่ใหม่ 2เส้นทาง มูลค่า1.28แสนล้านบาท แบ่ง5สัญญา ประกอบด้วยสายเหนือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กิโลเมตร (กม.) ราคากลาง 72,921 ล้านบาท และ ทางคู่สายอีสาน ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร (กม.) ราคากลาง 55,456 ล้านบาท ผลประมูล ค้านสายตา ราคาที่เสนอต่ำกว่าราคากลางเพียง 0.08% อย่างไรก็ตามการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงของรัฐบาลชุดก่อนไม่พบความผิดปกติ

 

รฟท.ชี้แจงว่า เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องใช้ผู้รับเหมาที่มีความชำนาญสูง ทั้งงานขุดเจาะอุโมงค์ ที่สำคัญต้องเสร็จตามกำหนดเวลา

นอกจากนี้หลังจากวันที่ทำราคากลาง ราคาเหล็กในท้องตลาดปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การรถไฟฯ ไม่ได้ปรับราคากลางให้เป็นราคาปัจจุบันเพราะงานเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว หากปรับราคากลางใหม่ ทำให้ราคาต้องสูงขึ้นและต้องเริ่มกระบวนการขออนุมัติปรับกรอบวงเงินใหม่ถึงจะเริ่มการจัดซื้อจัดจ้างตามแนวทางที่ รฟท.ได้ดำเนินการนี้ จึงถือได้ว่าเป็นประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐและประเทศชาติ

 

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า สำหรับการลงพื้นที่และติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างอุโมงค์แม่กา จ.พะเยา ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่เส้นทางสายเหนือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 85,345 ล้านบาท อุโมงค์แม่กา มีระยะทาง 2.7 กม. เป็น 1 ใน 4 อุโมงค์ของโครงการฯ ซึ่งอยู่ในสัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ระยะเวลาสัญญา 45 เดือน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขุดเจาะอุโมงค์ ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว 8 เดือน มีความคืบหน้า 17.8% หรือแล้วเสร็จ 964 เมตร ทั้งนี้ รฟท. ได้ปรับแผนการดำเนินการ โดยจะหล่อผนังอุโมงค์คู่ขนาน เพื่อให้โครงการไม่ล่าช้า และเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้

 

สำหรับอุโมงค์แม่กา มีขนาดความกว้าง 7.4 เมตร และความสูง 7.341เมตร ภายในอุโมงค์เสริมความแข็งแรงและเสริมเสถียรภาพของผนังหินหรือดินด้วยการติดตั้งค้ำยัน โดยอุโมงค์ดังกล่าว มีความพิเศษ 2 เรื่อง ได้แก่ 1.เป็นอุโมงค์วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ คาบเกี่ยว 2 จังหวัด คือ ลำปาง และพะเยา 2.มีขั้นตอนและวิธีการขุดเจาะอุโมงค์ทางด้านเหนือและด้านใต้แตกต่างกัน คือ ด้านใต้ พื้นที่ จ.ลำปาง ลักษณะธรณีวิทยาเป็นหินแข็ง ใช้วิธีขุดเจาะโดยการระเบิดหิน ส่วนด้านเหนือ พื้นที่ จ.พะเยา ลักษณะธรณีวิทยาเป็นดิน ใช้วิธีขุดเจาะโดยการใช้เทคโนโลยีหัวขุด Drum Cutter

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่เส้นทางสายเหนือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของนั้น ขณะนี้มีคืบหน้า 3.01% จากแผนสะสม 2.72% หรือเร็วกว่าแผน 0.28% ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาการเวนคืนที่ดิน มูลค่า 10,600 ล้านบาท พร้อมทั้งขอใช้พื้นที่ส่วนของกรมธนารักษ์ และสำนักงานสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เบื้องต้น รฟท.ได้ดำเนินการเวนคืนที่ดินไปแล้วกว่า 80% ซึ่งมีพื้นที่ที่ถูกเวนคืนที่ดิน บริเวณจังหวัดแพร่,ลำปาง,พะเยาและเชียงรายจากทั้งหมด 7,500 แปลง และครบ 100% ภายในกุมภาพันธ์ 2567 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2571

 

 ทั้งนี้โครงการดังกล่าว แบ่งการก่อสร้างงานโยธาเป็น 3 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว ระยะทาง 103.70 กม. มูลค่างานก่อสร้าง 26,560 ล้านบาท ความก้าวหน้างานก่อสร้างสะสม 1.92% จากแผนงานสะสม 1.47% หรือเร็วกว่าแผนงาน 0.45%

 

สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ระยะทาง 132.30 กม. มูลค่างานก่อสร้าง 26,890 ล้านบาท ความก้าวหน้างานก่อสร้างสะสม 4.39% จากแผนงานสะสม 3.64% หรือเร็วกว่าแผนงาน 0.74% และสัญญาที่ 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ ระยะทางโครงการ 87.10 กม. มูลค่างานก่อสร้าง 9,385 ล้านบาท ความก้าวหน้างานก่อสร้างสะสม 2.60% จากแผนงานสะสม 3.16% หรือช้ากว่าแผนงาน 0.56%

 

สำหรับโครงการรถไฟทางคู่สายเหนือ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีจุดเริ่มต้นจากสถานีเด่นชัย จังหวัดแพร่ มุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านจังหวัดลำปาง พะเยา และสิ้นสุดบริเวณด่านพรมแดนเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยผ่านพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือ 59 ตำบล 17 อำเภอ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง พะเยา และเชียงราย มีสถานีทั้งสิ้น 26 สถานี ประกอบด้วย สถานีขนาดใหญ่ 4 สถานี สถานีขนาดเล็ก 9 สถานี และป้ายหยุดรถ 13 แห่ง มีการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวก ตามหลัก Universal Design ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางได้เร็วกว่า 1-1.30 ชม. เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์

ลุยทางคู่ “เหนือ-อีสาน” 1.5 แสนล้าน เวนคืน 16,260 แปลง จบปี67

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่สายอีสาน ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร (กม.) มูลค่าก่อสร้าง 66,848 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยมีผลงานรวมประมาณ 1% ทั้งนี้ตามแผนคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2570

 

ทั้งนี้ผู้รับจ้างได้เข้าพื้นที่ก่อสร้างแล้ว โดยลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ซึ่งแบ่งก่อสร้าง 2 สัญญา สัญญาที่ 1 ช่วงบ้านไผ่-หนองพอก ระยะทาง 180 กิโลเมตร (กม.) กิจการร่วมค้า เอเอส-ช.ทวี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ ประกอบด้วย บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด บริษัท กิจการร่วมค้าทีบีทีซี จำกัด บริษัท เสริมสงวนก่อสร้าง จำกัด และบริษัท เค.เอส.ร่วมค้า จำกัด เป็นผู้รับจ้างฯ คืบหน้า 0.515%

 

สัญญาที่ 2 ช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3 ระยะทาง 175 กิโลเมตร (กม.) กิจการร่วมค้า ยูนิค ประกอบด้วย บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท พี.ซีอีที จำกัด บริษัท ไทยพีค่อนและอุตสาหกรรม จำกัด และบริษัท วัชรขจร จำกัด เป็นผู้รับจ้างฯ คืบหน้าประมาณ 0.034%

 

ด้านการเวนคืนที่ดินโครงการรถไฟทางคู่ สายอีสาน ช่วงบ้านไผ่-นครพนม จะใช้งบประมาณ 10,080 ล้านบาท ซึ่งมีพื้นที่ที่ถูกเวนคืนที่ดินใน จังหวัดขอนแก่น,มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด ,ยโสธร มุกดาหาร และนครพนม รวม 8,760 แปลง 17,499 ไร่ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนที่ดินในเขตพื้นที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น,อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม,อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด,อำเภอธาตุพนม อำเภอเรณูนครและอำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม คาดว่าจะดำเนินการเวนคืนที่ดินแล้วเสร็จภายในปี 2567 หลังจากนั้นจะทยอยส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้างต่อไป

 

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ชาวบ้านเรียกร้องมูลค่าเวนคืนที่ดินของโครงการไม่เหมาะสม เพราะสูญเสียพื้นที่ทางเศรษฐกิจนั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ ปี 2562 มาตรา 49 กำหนดให้ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินค่าทดแทนที่ไม่พอใจเงินค่าทดแทนที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายมีสิทธิ์ขอยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับเงินจากเจ้าหน้าที่หรือรับเงินที่วางไว้แล้วแต่กรณี นอกจากนี้ในกรณีที่ไม่พอใจในคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รับแจ้งคำวินิจฉัย โดยมีการชี้แจงข้อมูลด้านข้อกฎหมายดังกล่าวให้ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินค่าทดแทนทุกครั้งที่ทำสัญญาซื้อขาย

 

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม มีแนวเส้นทางเริ่มต้นที่ชุมทางบ้านหนองแวงไร่ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น พาดผ่าน จังหวัดขอนแก่น ,มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, มุกดาหาร ไปสิ้นสุดที่สถานีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 จ.นครพนม เชื่อมกับ สปป.ลาว ที่แขวงสะหวันนะเขต และแขวงคำม่วน โดยผ่านพื้นที่ทั้งหมด 6 จังหวัด 19 อำเภอ 70 ตำบล มีสถานีรถไฟจำนวน 30 สถานี แบ่งเป็น 18 สถานีกับ 12 ที่หยุดรถ และ 1 ชุมทางรถไฟ หรือจุดเริ่มต้นโครงการ มีย่านกองเก็บตู้สินค้า (CY) จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1.สถานีร้อยเอ็ด 2.สถานีสะพานมิตรภาพ 2 จ.มุกดาหาร และ 3.สถานีสะพานมิตรภาพ 3 จังหวัดนครพนม