“ปานปรีย์” แจง นายกฯ เยือนกัมพูชา ไร้วาระเจรจาพื้นที่ทับซ้อน OCA

27 ก.ย. 2566 | 07:44 น.

รองนายกฯ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ยอมรับการเดินทางเยือนกัมพูชา อย่างเป็นทางการของ นายกฯ เศรษฐา วันที่ 28 กันยายน นี้ ยังไม่มีวาระเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา หรือ OCA

วันนี้ (27 กันยายน 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วันที่ 28 กันยายน 2566 ว่า ในการเดินทางครั้งนี้ จะยังไม่มีการหยิบยกเรื่องของการเจรจาพื้นที่ไหล่ทวีปคาบเกี่ยวไทย-กัมพูชา (Overlapping Claims Area: OCA) เพื่อพัฒนาพลังงานร่วมกันขึ้นมาหารือ

“การเดินทางไปเยือนกัมพูชาครั้งนี้ เป็นการเดินทางไปเยือนประเทศอาเซียนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของรัฐบาล โดยเรื่องสำคัญหลายประเด็นที่เตรียมหยิบยกไปหารือร่วมกัน เช่น การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทุ่นระเบิด และการค้าชายแดน เป็นหลัก ส่วนการเจรจาพื้นที่ทับซ้อน ทางฝ่ายไทยไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้มาหารือ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าทางฝั่งกัมพูชาจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดหรือไม่ แต่ของไทยยังไม่มี”

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ในการขับเคลื่อนการเจรจาพื้นที่ไหล่ทวีปคาบเกี่ยวไทย-กัมพูชา เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานระหว่างกันนั้น เป็นเรื่องที่มีการพูดคุยกันมานานก่อนหน้านี้หลายสิบปี แต่ในเรื่องการเดินทางไปกัมพูชาครั้งนี้ ในส่วนของรัฐบาลไทยจะยังไม่ได้หยิบยกขึ้นมาหารือ 

 

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ส่วนการขับเคลื่อนเรื่องพื้นที่ทับซ้อน OCA นั้น ที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจในการทำงานเพื่อขับเคลื่อนทางการพัฒนาแหล่งพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนไทย-กัมพูชา โดยกระทรวงการต่างประเทศ รับเป็นหน่วยงานหลัก และได้หารือร่วมกับกัมพูชาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีความคืบหน้าต่อหรือไม่นั้น รองนายกฯ ยอมรับว่า ก็ต้องเข้าไปดูรายละเอียดอีกครั้ง

สำหรับการขับเคลื่อนการเจรจาพื้นที่ไหล่ทวีปคาบเกี่ยวไทย-กัมพูชา หรือ OCA นั้น นับเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยบรรจุเอาไว้เป็นนโยบายหาเสียงด้านพลังงาน คือ การเร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อนเพื่อเพิ่มแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูก และสามารถสร้างรายได้ให้ภาครัฐจากค่าภาคหลวง 

โดยแหล่งพื้นที่ไหล่ทวีปคาบเกี่ยวไทย-กัมพูชา หรือ OCA ซึ่งมีเนื้อที่ทางทะเลประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีการประเมินกันว่ามีปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองขนาดใหญ่ไม่แพ้แหล่งในอ่าวไทย ถือเป็นการจัดหาแหล่งก๊าซธรรมชาติราคาถูก ที่จะมาช่วยทดแทนปริมาณก๊าซในอ่าวไทยที่กำลังมีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวยังถามอีกว่า ในการเดินทางเยือนกัมพูชาครั้งนี้ จะมีการหารือถึงกรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางสังคมชาวไทยที่ลี้ภัยไปอาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชาแล้วหายตัวไปหรือไม่ ยอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเข้ามาถ้ามีข้อมูลเข้ามาแล้วรัฐบาล จะประสานงานกับทางกัมพูชาในเรื่องนี้ต่อไป

 

การเจรจาพื้นที่ไหล่ทวีปคาบเกี่ยวไทย-กัมพูชา (Overlapping Claims Area: OCA)

เปิดวาระการเดินทางเยือนกัมพูชา

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการครั้งนี้นับเป็นการเยือนเพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ในประเทศอาเซียนครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับผู้นำในโอกาสที่ทั้งนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเข้ารับตำแหน่งใหม่ 

รวมทั้งนายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้หารือกับกัมพูชา เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ โดยมุ่งเพิ่มปริมาณการค้าให้บรรลุเป้าหมาย 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 และผลักดันการยกระดับจุดผ่านแดนไทย - กัมพูชาที่ยังคั่งค้าง 

รวมไปถึงการพัฒนาการขนส่งสินค้าทางรางของทั้งสองประเทศ ผลักดันการท่องเที่ยวและการเดินทางข้ามแดน เพื่อให้มีการใช้หนังสือผ่านแดนชั่วคราว (Temporary Border Pass) สำหรับการเดินทางข้ามแดนทางบก อำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในจังหวัดชายแดน และไม่มีหนังสือเดินทาง สามารถขอเอกสารเพื่อใช้เดินทางข้ามแดนได้

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังติดตามเรื่องการพัฒนาพื้นที่ชายแดน เช่น แก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน การแก้ไขปัญหา call center รวมไปถึงความร่วมมือทางด้านแรงงาน ความมั่นคงทางพลังงาน ความสัมพันธ์ระดับประชาชน และความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและวิชาการ ระหว่างไทย-กัมพูชา ด้วย