การเมืองไม่นิ่ง-เศรษฐกิจไม่ฟื้นฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคลดรอบ14เดือน

11 ส.ค. 2566 | 06:37 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ส.ค. 2566 | 06:43 น.

ประชาชนกังวลความไม่แน่นอนการเมือง-จัดตั้งรัฐบาลช้า เศรษฐกิจไม่ฟื้นเต็มที่ ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงในรอบ 14 เดือน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนก.ค. อยู่ที่ 55.6 ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน นับตั้งแต่มิ.ย.65 จากเหตุผลสำคัญคือ ประชาชนกังวลกับความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

และเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันและในอนาคต และเป็นเหตุให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกรายการในเดือนก.ค.นี้ ปรับตัวลดลง ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 50.3 52.7 และ 63.9 ตามลำดับ 

 

“การที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น ทำให้ประชาชนมีความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่นิ่ง และระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งทำให้เม็ดเงินที่จะเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจลดน้อยลงไปราว 5-8 หมื่นล้านบาท"

นอกจากนี้ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ยังทรงตัวสูงโดยเฉพาะค่าไฟฟ้ารวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลลบต่อการส่งออกของไทยทำให้การส่งออกในช่วงนี้หดตัวลง และมีผลกระทบในเชิงลบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทุกภูมิภาคอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง

อย่างไรก็ตามแม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.66 จะปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือนนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีทิศทางเป็นขาลง เพราะการปรับลดลงเพิ่งเกิดขึ้นเพียง 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งหากสถานการณ์การเมืองในประเทศเริ่มเห็นความชัดเจน คือ เดือนส.ค. หรือก.ย.นี้ มีนายกรัฐมนตรี ได้รัฐบาลใหม่ ที่มีเสถียรภาพ ก็คาดว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่เศรษฐกิจไทยในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.ที่ผ่านมา เศรษฐกิจจึงยังนิ่งๆ ทั้งภาคการส่งออกที่ไม่โดดเด่น การท่องเที่ยวเป็นช่วงโลซั่น แต่หากมีรัฐบาลใหม่ได้ในช่วงปลายปี มีงบประมาณเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก็คาดว่าในช่วงปลายปีเศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นขึ้น ซึ่งศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไว้ที่ 3.5% ซึ่งหากได้ความชัดเจนของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ รวมทั้งแนวนโยบายของรัฐบาลใหม่แล้ว ก็จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ใหม่อีกครั้ง

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือนก.ค.66 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจ และหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 24-31 ก.ค. 66 โดยดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 55.6 เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.2 ในเดือนมิ.ย. 66 ซึ่งถือว่าปรับขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากความกังวลและความไม่ชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยภาคธุรกิจยังรอดูรัฐบาลใหม่และนโยบายด้านเศรษฐกิจที่จะออกมาเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย