เอ็มพี กรุ๊ป ชูท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพิ่มมูลค่าให้กับประเทศ

นางสาวนทพร บุญบุบผา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงานสัมมนา The Nation Seminar "Thailand Economic: Resilience and Opportunities" ในหัวข้อ “Harnessing Opportunities in “The Creative Economy” ว่า มองว่าเทรนด์สุขภาพเริ่มเปลี่ยน เนื่องจากโลกเข้าสู่โลกดิจิทัล เทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ก็ตามทัน ดังนั้น ทำให้ตรวจจับสัญญาณการระบาดของโรคใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น แน่นอนว่า เฮลแคร์ จะอยู่ถูกที่ถูกทางอย่างในเรื่องภาวะเศรษฐกิจ 

ทั้งนี้ ธุรกิจท่องเที่ยวไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ประเทศต่างๆ ก็มีการแข่งขันเช่นเดียวกัน ฉะนั้น นักท่องเที่ยวก็เปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยว แต่หากนำเอาจุดแข็งของประเทศไทย เช่น การตรวจยีนส์ (Genetic) หรือจุดแข็งของประเทศไทยอย่างสกินแคร์ มาผสมผสานกับการท่องเที่ยว จะทำให้การท่องเที่ยวมีจุดดึงดูด และเพิ่มมูลค่าของการท่องเที่ยวให้สูงขึ้นได้

“มองว่าธุรกิจสุขภาพ ปัจจุบัน และอนาคตจะทำอย่างไรเพื่อหลีกการแข่งขัน ควรจะต้องใช้ข้อมูล เพื่อหนีการแข่งขัน หากรู้เรื่องสุขภาพของเดต้าเป็นอย่างไร ก็จะเติมเต็มเรื่องการเข้าการรับรักษาพยาบาล ซึ่งจะนำมาซึ่งชื่อเสียงประเทศไทย ไม่ใช่เป็นประเทศท่องเที่ยว แต่ครอบคลุมเรื่องบูรณาการสุขภาพ”

นอกจากนี้ มองว่าหลังโควิด คนไม่อยากเจ็บป่วย และรู้วิธีป้องกันวิธีรักษาตัวเองได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มที่ไม่เจ็บป่วย หรือสุขภาพดี เรามองว่าใครจะดูแล เอ็มพี กรุ๊ป จึงจะต่อยอดธุรกิจสุขภาพเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะ Wellness เนื่องจากหลังโควิด Global Wellness Institute (GWI) ได้สรุปว่าเทรนด์มีการเปลี่ยนแปลงและเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับการท่องเที่ยว มองว่าธุรกิจของ เอ็มพี กรุ๊ป สามารถไปด้วยกันได้

“โจทย์ใหญ่ของเราคือ จะทำอย่างไรให้เข้าไปสู่ธุรกิจสุขภาพที่ยังมีขนาดใหญ่มาก และเป็นธุรกิจที่เติมเต็มอีโคซีสเต็มในส่วนของเฮลแคร์ จึงคิดมองไปเหนือกว่านั้นว่าควรจะทำอย่างไรให้มีเครื่องตรวจสุขภาพสำหรับคนสุขภาพดี เพื่อให้รู้ล่วงหน้าก่อนที่เขาจะเป็นโรค”

นอกจากนี้ มองว่าปัจจุบันเทรนด์เริ่มเปลี่ยน จากที่คนจะรอให้เจ็บป่วยหลังโควิด โดยมีการออกกำลังกาย และทานอาหารที่มีประโยชน์ เราจึงมองหาเทคโนโลยีการแพทย์ที่แม่นยำ เพื่อครอบคลุมการตรวจวินิจฉัยให้รู้ตั้งแต่ตอนต้น ก่อนที่จะมีการเจ็บป่วย ซึ่งเป็นการป้องกันตั้งแต่ตอนต้น หรือการนำไปสู่การวินิจฉัยที่แม่นยำ และนำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพ ให้ได้กลับบ้านเร็ว

สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจของเอ็มพี กรุ๊ป บริษัทมีการคิดเผื่อไว้ตั้งแต่ เมื่อคนไข้เจ็บไข้ได้ป่วยเล็กน้อย ซึ่งเครื่องมือและนวัตกรรมจะต้องให้คำตอบอย่างถูกต้องรวดเร็วและแม่นยำ ฉะนั้น ผู้ที่ไปโรงพยาบาลเรามีเครื่องมือการตรวจวินิจฉัยไข้เลือดออกได้ตั้งแต่ 15 นาที และภายใน 30 นาทีจะทราบผลแล้ว่าควรจะแอดมิด หรือเป็นโรคอื่นๆ กระทั่งเรื่องแม่และเด็ก มีการตรวจอย่างครอบคลุมตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์

ทั้งนี้ ปัจจุบันเมื่อภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนไปตรวจสุขภาพต่างๆ ก็อาจจะลดลง โดยเอ็มพี กรุ๊ป ได้คุ้นพบนวัตกรรมการตรวจสุขภาพจากยีนส์ (Genetic Testing) ซึ่งวันนี้เกิดสภาวะสิ่งแวดล้อม ภาวะอากาศเปลี่ยน อาหารที่ทานเปลี่ยนไป รวมทั้งความเครียด มีผลทำให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย เพื่อเอาชนะสิ่งแวดล้อม การแสดงออกมามี 3 ลำดับ ได้แก่

• ไม่มีอาการใดๆ แต่อาจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น จากตาสีเทาเปลี่ยนเป็นสีฟ้า
• เปลี่ยนแปลงไปสู่การเจ็บไข้ในความเสี่ยงระดับต่ำ
• บางโรคพัฒนาไปสู่มะเร็ง

“เทคโนโลยีของเรามีหน้าที่สแกนกรรมพันธุ์ เพราะโรคบางแห่งสามารถถ่ายทอดจากกกรรมพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง Stroke เบาหวาน หัวใจ และความดัน เป็นต้น เราสามารถตรวจได้ว่าเรามีสิ่งแปลกปลอมมากน้อยแค่ไหน ซึ่งมีการพิสูจน์ทางด้านการใช้งานจริง”

ส่วนหากถามว่าใครบ้างที่ต้องตรวจ ได้แก่ ผู้ที่ตื่นเช้ามีอาการเวียนหัว หน้ามืด หรือผู้ที่มีอาการไอจามบ่อย หมายความว่าร่างกายกำลังแสดงอาการบางอย่างออกมา และกลุ่มที่อาจจะมีโรคแปลกเกิดขึ้น รวมทั้งกลุ่มผู้ที่ต้องการตรวจหาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งสามารถตรวจสุขภาพจากยีนส์ได้เลย โดยสามารถตรวจได้ทุกระบบในร่างกาย เช่น สมอง ทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับตา ระบบหลอดเลือด และมะเร็งทั้งหมด เป็นต้น

“เรามีการตรวจตั้งแต่ระดับความเสี่ยงต่ำ หากมีอาการแพ้ก็สามารถตรวจสุขภาพและปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ชีวิตของตัวเอง เช่น สังเกตการณ์กิน การพักผ่อน และหากตรวจเจอสิ่งแปลกปลอมที่นำไปสู่มะเร็งจะต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ทันที  โดยประชาชนสามารถเพิ่มทางเลือกได้ก่อน เช่น กรณีตรวจยีนส์จะนำมาสู้มะเร็งเต้านม สามารถตัดเต้านม ที่สามารถป้องกันได้ 100%”