จัดทัพ “ข้าราชการ” เกษียณ 28 เก้าอี้ รับนโยบายรัฐบาลใหม่

24 มิ.ย. 2566 | 00:07 น.

จัดทัพข้าราชการรับนโยบายรัฐบาลใหม่ ปีงบประมาณ 2566 กระทรวงเศรษฐกิจหลัก หลังบิ๊กข้าราชการเกษียณอายุมากถึง 28 ตำแหน่ง ตั้งแต่ปลัดยันอธิบดี ผลักดันสารพัดโครงการมูลค่ากว่าล้านล้านบาท

ภารกิจใหญ่รอต้อนรับรัฐบาลใหม่นอกเหนือจากการขับเคลื่อนภารกิจหลักของหน่วยงานแล้ว การจัดทัพข้าราชการในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ 2566 ช่วงสิ้นเดือนกันยายน 2566 ก็ถือว่าเป็นโจทย์ใหญ่ไม่แพ้กัน

โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจหลัก 6 กระทรวง คือกระทรวงการคลัง คมนาคม พลังงาน พาณิชย์ พลังงาน และ เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งในปีงบประมาณนี้จะมีผู้บริหารระดับสูงเกษียณอายุมากถึง 28 ตำแหน่ง ตั้งแต่ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง ผู้ตรวจราชการ อธิบดี และรองอธิบดีของหลายกระทรวง

การวางตัวตำแหน่งบิ๊กข้าราชการกระทรวงเศรษฐกิจหลักของประเทศครั้งนี้ หลายฝ่ายจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะแต่ละตำแหน่งจะต้องผูกโยงไปกับการขับเคลื่อนและตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลใหม่

ล่าสุดมีการวิเคราะห์กันว่า หน้าตาของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินอย่างเป็นทางการนั้น ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น ตามไทม์ไลน์แล้ว รัฐบาลใหม่น่าจะเข้ามาบริหารเร็วกว่ากำหนด คือในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม หรือช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2566 นี้

 

ภาพประกอบข่าว จัดทัพข้าราชการรับนโยบายรัฐบาลใหม่ ปีงบประมาณ 2566 กระทรวงเศรษฐกิจหลัก

คลังโยกย้ายบิ๊กล็อต หลังปลัดเกษียณ

เริ่มจากกระทรวงการคลัง ในช่วงสิ้นปีงบประมาณ 2566 ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังจะมีการโยกย้ายครั้งใหญ่ หลังจากมีผู้เกษียณอายุ 7 ตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวง หลังจากนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง จะเกษียณอายุ รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงอีก 6 คน ประกอบด้วย

  1. นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข รองปลัดกระทรวงการคลัง
  2. นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ รองปลัดกระทรวง
  3. นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวง
  4. นางชลิดา พันธ์กระวี ผู้ตรวจราชการกระทรวง
  5. นายเอด วิบูลย์เจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวง
  6. นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)

สำหรับตำแหน่งปลัดกระทรวงที่ว่างลงนั้น หลายฝ่ายก็มีการจับตาว่า ตัวเต็งผู้ที่จะได้นั่งแท่นตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ คือ นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เป็นตัวเต็งสูงสุดที่จะเข้ามานั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวง

นั่นเพราะมีผลงานโดดเด่นตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจ (สศค.) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการคนละครึ่ง และมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากนั้นก็ได้ไปดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีสรรพสามิต และดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรในปัจจุบัน ซึ่งเป็นกรมจัดเก็บรายได้อันดับหนึ่งของรัฐบาล

 

ภาพประกอบข่าว จัดทัพข้าราชการรับนโยบายรัฐบาลใหม่ ปีงบประมาณ 2566 กระทรวงเศรษฐกิจหลัก

นอกจากนี้ นายลวรณ ยังเป็นหัวหอกสำคัญในการแก้ปัญหาสลากขายเกินราคา จากการตำแหน่งประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยผลักดันให้เกิดสลากดิจิทัล ที่จำหน่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง อีกทั้งในปัจจุบัน นายลวรณ เหลืออายุราชการอีก 4 ปีก่อนที่จะเกษียณอายุ หากได้นั่งในตำแหน่งปลัดคลัง ถือว่า เป็นการเกษียณอายุราชการแบบสวยงาม

ส่วน นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร และ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิตนั้น ยังเหลืออายุราชการอีกประมาณ 7-9 ปี ซึ่งยังมีเวลาที่จะเข้าชิงเก้าอี้ตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังในรอบถัดไปได้

คมนาคมลุ้นรื้อใหญ่รับเมกกะโปรเจ็กต์ 1.4 ล้านล้าน

กระทรวงคมนาคม กระทรวงสำคัญที่รับผิดชอบโครงการเมกกะโปรเจกต์ของประเทศ ในปีงบประมาณ 2566 มีผู้บริหารระดับสูงเกษียณอายุ 1 ราย คือ นายปริญญา แสงสุวรรณ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน ขณะเดียวกันยังต้องจับตาดูด้วยว่า เมื่อรัฐบาลใหม่เข้ามาแล้ว จะมีการโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการระดับสูงของหน่วยงานต่าง ๆ ด้วยหรือไม่ เพื่อให้ตอบสนองต่อภารกิจของรัฐบาล

ส่วนในปีงบประมาณ 2567-2568 กระทรวงคมนาคมมีข้าราชการระดับสูงที่จะเกษียณอายุราชการจำนวน 2 ราย ซึ่งถือเป็นหน่วยงานระดับเกรดเอของกระทรวงคมนาคม คือ นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง และนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก

นอกจากการแต่งตั้งข้าราชการแล้ว ภารกิจสำคัญของกระทรวงคมนาคมที่กำลังรอรัฐบาลใหม่นั่นคือการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการรวมมูลค่ากว่า 1.43 ล้านล้านบาท โดยเน้นไปที่การพัฒนาระบบรางเป็นหลัก ประกอบไปด้วย

โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงิน 2.24 แสนล้านบาท , โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะที่ 1 วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ,โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง วงเงิน 2.74 แสนล้านบาท

รวมทั้งการชำระหนี้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 50,000 ล้านบาท ,โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท ,โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) วงเงิน 41,720 ล้านบาท

โครงการรถไฟชานเมืองส่วนต่อขยายสายสีแดง จำนวน 3 เส้นทาง วงเงิน 21,754 ล้านบาท ,โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน (แลนด์บริดจ์) วงเงิน 5 แสนล้านบาท เป็นต้น

 

ภาพประกอบข่าว จัดทัพข้าราชการรับนโยบายรัฐบาลใหม่ ปีงบประมาณ 2566 กระทรวงเศรษฐกิจหลัก

 

ลุ้นเก้าอี้ปลัดพลังงาน-อุตฯเกษียณเพียบ

กระทรวงพลังงาน มีข้าราชการระดับสูงเกษียณอายุ 3 ตำแหน่ง คือ นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ซึ่งถือเป็นปลัดกระทรวงพลังงานคนแรกที่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ถึง 5 ปี รวมทั้ง นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน และ นายสุรีย์ จรูญศักดิ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน

โดยมีการคาดหมายกันว่า ผู้ที่จะเข้ามาชิงเก้าอี้ปลัดกระทรวงพลังงาน คือ นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน และนางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เพราะทั้ง 2 คนมีคุณสมบัติที่จะสามารถเป็นปลัดกระทรวงพลังงานได้

ขณะที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รัฐวิสาหกิจสำคัญของกระทรวง ยังต้องรอการแต่งตั้งผู้ว่าการ กฟผ. คนใหม่แทนนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ซึ่งครบวาระในวันที่ 21 สิงหาคม 2566 แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการคัดเลือก และเห็นชอบให้เสนอชื่อ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ รองผู้ว่าฯ กฟผ. ขึ้นเป็นผู้ว่าฯคนใหม่ ให้กับครม.เห็นชอบแล้วแต่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่เห็นชอบตามมติครม. และต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาพิจารณา

ด้านกระทรวงอุตสาหกรรม มีผู้ที่จะเกษียณอายุด้วยกัน 6 คน ประกอบด้วย

  1. นายสุรพล ชามาตย์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
  2. นายทาวัน ทวีถาวรสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม
  3. นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
  4. นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
  5. นางสุชาดา โพธิ์เจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
  6. นายสหวัฒน์ โสภา รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย

ส่วนผู้ใดจะเข้ามารับตำแหน่งต่อจากบุคคลดังกล่าวเหล่านี้นั้น แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า ต้องรอให้เวลากระชั้นชิดมากกว่านี้ถึงจะพอรู้คำตอบ

 

ภาพประกอบข่าว จัดทัพข้าราชการรับนโยบายรัฐบาลใหม่ ปีงบประมาณ 2566 กระทรวงเศรษฐกิจหลัก

 

เกษตรฯ เกษียณอายุทั้งกระทรวง 110 คน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีข้าราชการเกษียณอายุรวมทั้งสิ้น จำนวน 110 คน โดยในจำนวนนี้เป็นผู้บริหารระดับสูงเกษียณ 7 ราย ประกอบด้วย

  1. นายสุรเดช สมิเปรม รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  2. นายขจร เหล่าประเสริฐ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  3. นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน
  4. นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง
  5. นายเข้มแข็ง ยุติธรรม-ดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร
  6. นายประกอบ เผ่าพงศ์ อธิบดีกรมหม่อนไหม
  7. นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์

ส่วนภารกิจเร่งด่วน การบริหารจัดการน้ำภาคการเกษตรเพื่อรับมือกับปรากฎการณ์เอลนีโญ ที่ทำให้ฝนทิ้งช่วงและภัยแล้ง การพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติมทั่วประเทศ การจัดหาปัจจัยการผลิตเช่น ปุ๋ยราคาถูกให้เกษตรกรเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต

เช่นเดียวกับการกำกับดูแลการผลิตสินค้าเกษตรให้ได้ตามเป้าหมายเพื่อไม่ให้กระทบต่อการแปรรูปและส่งออก การตรวจสอบและจับกุมหมูเถื่อนที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้เลี้ยงหมู และราคาหมูในประเทศในเวลานี้

พาณิชย์ปรับใหญ่หลายตำแหน่ง

กระทรวงพาณิชย์ มีข้าราชการระดับบริหาร ตั้งแต่รองปลัด อธิบดี รองอธิบดีที่จะเกษียณอายุ 4 ตำแหน่ง คือ

  1. นายวันชัย วราวิทย์ รองปลัดกระทรวง
  2. นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
  3. นายกำแหง กล้าสุคนธ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
  4. นางระวีพรรณ ช้างเย็นฉ่ำ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ขณะที่ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ที่อยู่ครบวาระในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งตามธรรมเนียมต้องสลับกรมเพื่อเปิดโอกาสให้ระดับรองปลัด หรือผู้ตรวจ หรือรองอธิบดีกรมอื่นหรือสลับกับอธิบดีกรมอื่น

โดยที่ผ่านมามีกระแสข่าวในกระทรวงพาณิชย์ว่า เก้าอี้ที่นางอรมนสนใจ คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่จะวางลงในวันที่30กันยายนนี้ แต่อย่างไรก็ตามยังมีตำแหน่งรองปลัดที่ว่างรองรับอยู่ เพราะเป็นที่ทราบดีทั้งกระทรวงพาณิชย์ว่าการจะย้ายไปนั่งเป็นอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ต้องไปลุ้นว่าใครจะได้นั่งเก้าอี้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรืออาจจะคลื่นใต้น้ำ ไม่ว่าจะเป็นทูตพาณิชย์ หรือพาณิชย์จังหวัด หรือม้ามืดที่เป็นลูกหม้อของกรมเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอรัฐมนตรีคนใหม่มาเคาะอยู่ดี

ส่วนภารกิจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ มีเรื่องใหญ่ที่รอรัฐบาลใหม่เข้ามากระตุ้นและผลักดันการส่งออกที่เวลานี้ยังติดลบ 7 เดือนต่อเนื่อง รวมทั้งการเร่งเจรจาเอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป และเตรียมขอเปิดเจรจาเอฟทีเอใหม่ๆ เช่น ไทย-GCC ไทย-อิสราเอล ไทย-ภูฏาน และ ไทย-กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (เปรู ชิลี เม็กซิโก โคลัมเบีย) รวมทั้งการกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการลดค่าครองชีพให้ประชาชน และดูแลเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร

 

ภาพประกอบข่าว จัดทัพข้าราชการรับนโยบายรัฐบาลใหม่ ปีงบประมาณ 2566 กระทรวงเศรษฐกิจหลัก