ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย เครื่องร้อน ผุด5 นโยบายเพิ่มรายได้ประเทศ

09 มิ.ย. 2566 | 10:20 น.

ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย  เดินเครื่อง ผุด5นโยบายเพิ่มรายได้ประเทศ ทั้ง "ต่างประเทศ-เกษตร-เข้าถึงแหล่งทุน-พลังงาน-ท่องเที่ยว” เน้นทำงานต่อเนื่องหาช่องทางสร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ

คณะกรรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ซึ่งนำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ได้รับการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย  พร้อมด้วย นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานกรรมการ, นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษาฯ , ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาฯ, ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาฯ และคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจได้มีการประชุมหารือเดินหน้าการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาแนวทางในการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศในด้านต่างๆ

ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย เครื่องร้อน ผุด5 นโยบายเพิ่มรายได้ประเทศ

โดยแบ่งออกเป็น5นโยบายหลักสำคัญ ในการเดินหน้าประเทศไทย ประกอบด้วย “ด้านการต่างประเทศ” ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาการสร้างความเชื่อมั่นและบทบาทของประเทศไทยบนเวทีโลก การอำนวยความสะดวกด้านการศุลกากรแบบไร้รอยต่อ การเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไม่ว่าจะเป็นไทย-EU ไทย-EFTA ไทย-GCC ไทย-UK และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และการรับมือนโยบายเน้นการบริโภคภายในของประเทศจีน และการหาตลาดใหม่ในประเทศที่มีประชากรมากแต่ปริมาณการค้ากับไทยยังน้อย เช่น ประเทศไนจีเรีย และความท้าทายภาคธุรกิจไทยและโอกาสใน BIMSTEC

“ด้านภาวะหนี้และการเข้าถึงแหล่งทุน”  มีการหารือ 3 ปัญหาสำคัญที่ทำให้ภาคเอกชนเข้าไม่ถึงแหล่งทุน คือ 1.การขาดหลักประกันที่ตรงกับความต้องการของสถาบันการเงิน 2.การมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี และ 3.แนวทางประกอบธุรกิจไม่ตอบโจทย์ นอกจากนั้นยังมีความกังวลกับภาวะหนี้เสียของภาคเอกชนที่เป็นระเบิดเวลาที่จะเป็นปัญหาในระยะถัดไป

ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย เครื่องร้อน ผุด5 นโยบายเพิ่มรายได้ประเทศ

 “ด้านการเกษตร” เป็นการหารือแนวทางปฏิบัติต่อเนื่องจากแนวนโยบายของพรรค ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตลาดนำการผลิต การเพิ่มผลิตภาพของภาคการเกษตร การขยายพื้นที่ชลประทาน และการปรับพื้นที่เพาะปลูกให้ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินบนเงื่อนไขการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประชาชนจากสินทรัพย์ที่ถูกมองข้าม

ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย เครื่องร้อน ผุด5 นโยบายเพิ่มรายได้ประเทศ

“ ด้านพลังงาน” โดยเฉพาะเรื่องราคาพลังงาน ที่ประชุมเห็นว่าเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนจะมีการขยายเวลายกเว้นการเก็บภาษีน้ำมันดีเซล ลิตรละ 5 บาท รวมถึงการปรับโครงสร้างพลังงานเพื่อแก้ไขปัญหาราคาพลังงานในระยะกลาง-ยาว โดยยึดหลักความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

และ “ด้านการท่องเที่ยว” ได้หารือเกี่ยวกับการเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงผ่านวีซ่าแบบเดินทาง เข้า-ออกหลายครั้ง (Multiple Entry Visa) การสร้างแรงจูงใจเพื่อเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวแบบพักพิงระยะยาว ผู้สูงอายุ และการดึงดูดนักท่องเที่ยวเอเชียใต้ รวมถึงการแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว