อินโดขย่มไทย“อีซูซุ” ย้ายฐานผลิต สงครามชิงศูนย์กลางผลิตรถยนต์อาเซียน

09 มิ.ย. 2566 | 00:15 น.

วิเคราะห์ประเด็นร้อน อินโดนีเซีย ขย่มไทย“อีซูซุ” ค่ายรถยนต์ใหญ่ของญี่ปุ่น “อีซูซุ” จะย้ายฐานการผลิตบางส่วนจากประเทศไทยไปยังประเทศอินโดนีเซีย หลังรัฐมนตรีอุตสาหกรรมอินโด แถลงข่าวเขย่าการลงทุนไทย

กลายเป็นประเด็นร้อน สั่นสะเทือนแวดวงยานยนต์ และการลงทุนของประเทศไทย หลังจากมีรายงานข่าวจากต่างประเทศ ออกมาแจ้งข่าวร้าย ค่ายรถยนต์ใหญ่ของญี่ปุ่น “อีซูซุ” กำลังจะย้ายฐานการผลิตบางส่วนจากประเทศไทยไปยังประเทศอินโดนีเซีย

โดยอ้างถึงคำแถลงของ นายอากัส กูมิวัง คาร์ตาซัสมิตา รัฐมนตรีอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย ซึ่งแถลงข่าวภายหลังพบหารือกับคณะผู้บริหารของบริษัทอีซูซุที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 6 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมาว่า บริษัท อีซูซุ มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น มีแผนจะโยกย้ายการผลิตรถยนต์บางส่วนจากโรงงานแห่งหนึ่งในประเทศไทย ไปยังอินโดนีเซีย โดยจะเริ่มการผลิตอย่างเร็วที่สุดในปี 2567

“เราชื่นชมการตัดสินใจของอีซูซุ และเราจะยื่นข้อเสนอที่จูงใจ และให้การสนับสนุนกระบวนการโยกย้ายการผลิตดังกล่าว” นายอากัสกล่าว และระบุด้วยว่า อินโดนีเซีย ยินดีกับการตัดสินใจดังกล่าว และจะมอบสิทธิประโยชน์พร้อมให้การสนับสนุนการย้ายฐานการผลิต

 

ภาพประกอบข่าว ปมร้อน “อีซูซุ” ย้ายฐานการผลิบางส่วนจากประเทศไทยไปยังประเทศอินโดนีเซีย

ด้วยคำกล่าวข้างต้น ส่งผลมายังประเทศไทยแทบจะในทันที นั่นเพราะในปัจจุบันอีซูซุ มียอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเป็นอันดับต้น ๆ โดยคิดเป็น 20% ของการผลิตรถยนต์รวมทั้งหมด ประมาณ 385,000 คันต่อปี โดยเป็นการผลิตเพื่อขายในประเทศสูงถึง 60% และส่งออก 40% ส่วนใหญ่เป็นการผลิตรถยนต์กระบะ 80%, PPV 15% และรถบรรทุก 5%

ขณะที่โรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยของ “อีซูซุ” ซึ่งดูแลโดย บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มีด้วยกัน 2 แห่ง ทั้ง โรงงานที่ประประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีกำลังการผลิตรถยนต์รวมกัน 385,000 คันต่อปี และมีการจ้างงานพนักงานประมาณ 6,000 คน

หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ร่วงยกแผง

ขณะเดียวกันในฝั่งของนักลงทุนเองก็หวาดวิตกกับกรณีดังกล่าว จนทำให้หุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่เกี่ยวข้องกับ “อีซูซุ”ร่วงยกแผงในช่วงเช้าวันที่ 8 มิถุนายน โดย ณ เวลา 11.24 น. ดัชนีปรับลดลง 20.03 จุด หรือ - 3.73% มาที่  517.33 จุด ประกอบไปด้วย

  • หุ้น AH ร่วง 13.38% หรือ - 5.25 บาท  มาที่ 34.00 บาท  มูลค่าซื้อขาย 1,494.87 ล้านบาท
  • หุ้น STANLY ร่วง 4.07% หรือ - 4.07 บาท มาที่ 211.00  มูลค่าซื้อขาย 57.22 ล้านบาท
  • หุ้น SAT ร่วง 4.00% หรือ - 0.80 บาท มาที่ 19.20 บาท  มูลค่าซื้อขาย 70.84 ล้านบาท

 

ภาพประกอบข่าว ปมร้อน “อีซูซุ” ย้ายฐานการผลิบางส่วนจากประเทศไทยไปยังประเทศอินโดนีเซีย

บีโอไอ ต่อสายด่วนเช็คข้อเท็จจริง

ทำให้นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ต้องรีบเช็คข้อมูลทันทีไปยังผู้บริหารบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ว่า กรณีนี้เป็นจริงหรือไม่อย่างไร ซึ่งทางบริษัทในไทย ยอมรับในเบื้องต้นว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

โดยเรื่องนี้ บีโอไอ ยอมรับว่า ในปัจจุบัน บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังลงทุนผลิตรถยนต์ในประเทศไทย และที่ผ่านมาก็ได้รับสิทธิประโยชน์ในด้านการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลได้ไปแล้ว โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์การลงทุนเกี่ยวกับการผลิตรถยนต์บรรทุกและรถยนต์กระบะในประเทศไทย

ต่อมา เลขาธิการ บีโอไอ ได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่า บีโอไอได้สอบถามไปยังผู้บริหารบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และได้รับการชี้แจงว่า ได้คุยกับทางประธานและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นแล้ว ยืนยันว่า ไม่มีใครให้ข่าว และไม่มีแผนย้ายฐานการลงทุนจากไทย

อีซูซุ แถลงการณ์ ไม่มีย้ายฐาน

ไม่นานจากนั้น “อีซูซุ” ได้ออกแถลงการณ์ถึงเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นทางการ โดย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ระบุถึงกรณีประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น โดยยืนยันชัดเจนว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงและไม่ใช่การประกาศอย่างเป็นทางการจาก บริษัท อีซูซุมอเตอร์ แต่อย่างใด

พร้อมระบุว่า ถึงแม้ว่าประเทศอินโดนีเซียจะเป็นตลาดที่สำคัญแห่งหนึ่งของอีซูซุก็ตาม เราไม่มีแผนที่จะย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทยไปยังอินโดนีเซีย

 

ภาพประกอบข่าว ปมร้อน “อีซูซุ” ย้ายฐานการผลิบางส่วนจากประเทศไทยไปยังประเทศอินโดนีเซีย

 

ผลกระทบกับไทยหากย้ายฐานจริง

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ ถึงกรณีนี้ว่า หากมีการย้ายฐานการผลิตไปอินโดนีเซียจริงจะกระทบต่อยอดการผลิตรถยนต์ของไทยค่อนข้างมาก เนื่องจากปัจจุบันอีซูซุ มียอดผลิตรถยนต์คิดเป็น 20% ของการผลิตรถยนต์รวม

พร้อมประเมินว่า การย้ายฐานการผลิตไปทั้งหมดยังมีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากจากจะกระทบต่อ supply chain, การจ้างงานในไทย รวมถึงไทยยังมียอดขายรถกระบะที่ค่อนข้างมาก อาจไม่คุ้มที่จะย้ายฐานการผลิตไปทั้งหมด แต่หากมีการย้ายไปบางส่วนอาจเป็นไปได้ เช่น การผลิตเพื่อส่งออก หรืออาจย้ายการการผลิตบางส่วนออกไป เป็นต้น

สำหรับกรณีของ “อีซูซุ” ถือว่าไม่ใช่ครั้งแรกกับการประกาศช่วงชิงพื้นที่ทางการลงทุนอุตสาหกรรมรถยนต์ของชาติอาเซียนอย่าง อินโดนีเซีย เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีข่าวของค่ายรถยนต์แห่งอนาคต คือ “เทสล่า” เคยมีข่าวว่า อินโดนีเซียได้มีการเจรจาเพื่อขอให้เข้ามาลงทุนรถยนต์ EV ในประเทศแล้ว แต่ล่าสุดก็ยังไม่มีความชัดเจนอย่างเป็นทางการ