ปิดฉากอย่างสวยงาม “THAIFEX” คาดดันยอดส่งออกอาหารเพิ่ม10%
สำเร็จเกินคาด งาน“THAIFEX” ผู้เข้าชมงานทะลุ 1.3 แสนคน เพิ่ม 58% ตกลงซื้อขาย 1.2 แสนล้านบาท คาดช่วยดันยอดส่งออกอาหารทั้งปี 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่ม 10% และช่วยหนุนไทยเป็นแหล่งอาหารโลก
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการจัดงานแสดงสินค้าอาหาร ปี 2566 หรือ THAIFEX-ANUGA ASIA 2023 ว่า การจัดงานในปีนี้ ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ช่วงวันที่ 23-27 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา ที่เมืองทองธานี มีผู้เข้าร่วมงาน 3,034 บริษัท เป็นบริษัทไทย 1,109 บริษัท และบริษัทต่างประเทศ 1,925 บริษัท
ประกอบด้วยจีน 620 บริษัท เกาหลีใต้ 212 บริษัท เวียดนาม 158 บริษัท มาเลเซีย 109 บริษัท และญี่ปุ่น 57 บริษัท มี 5,859 คูหาจาก 45 ประเทศ ประกอบด้วย เอเชียตะวันออกอาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง เป็นต้น
ทั้งนี้ ผลการจัดงานในช่วง 5 วัน มีผู้เข้าชมงานทั้งสิ้น 131,039 คน เพิ่มขึ้น 58% จาก 132 ประเทศ
เป็นผู้เข้าร่วมเจรจาการค้า 78,764 ราย เพิ่มขึ้น 53% เป็นชาวต่างประเทศ 16,429 ราย เพิ่มขึ้น 150% เป็นจีน เพิ่มขึ้น 2,022% มาเลเซีย เพิ่มขึ้น 127% เวียดนาม เพิ่มขึ้น 79% เกาหลี เพิ่มขึ้น 109% สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 58% และนักธุรกิจชาวไทย 62,335 ราย เพิ่มขึ้น 39% และประชาชนทั่วไปเข้าชมงาน เฉพาะวันสุดท้าย วันที่ 27 พ.ค.2566 มีจำนวน 52,275 คน เพิ่มขึ้น 66%
สำหรับผลการซื้อขายจากการจัดงาน มีมูลค่า 120,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.36% เป็นการซื้อขายทันที 1,106 ล้านบาท และจะซื้อขายภายใน 1 ปี 118,600 ล้านบาท โดยหมวดสินค้าและบริการที่ซื้อขายมากที่สุด 5 ลำดับแรก ประกอบด้วย อาหาร ผักผลไม้ เทคโนโลยีด้านอาหาร เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์การทำอาหาร หมวดชากาแฟ และการให้บริการด้านอาหาร เช่น การให้บริการองค์ความรู้การทำธุรกิจอาหาร และประเทศที่มีการสั่งซื้อมากที่สุด ประกอบด้วยจีน ไทย สหรัฐฯ มาเลเซียและญี่ปุ่น
“งาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2023 ในปีนี้ จะมีส่วนสำคัญช่วยผลักดันให้ตัวเลขการส่งออกอาหารของไทยในปี 2566 เพิ่มมากขึ้น โดยปีที่แล้วสามารถทำเงินเข้าประเทศได้ถึง 1.36 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% คาดว่าปีนี้จะสามารถทำเงินเพิ่มจากการส่งออกอาหารได้ถึง 1.5 ล้านล้านบาท ตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้น 10% และยังจะช่วยผลักดันให้ไทยเป็นแหล่งความมั่นคงด้านอาหารของโลก ช่วยสนับสนุนการเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศ และจะช่วยส่งเสริมอาหารไทยเป็นซอฟต์ พาวเวอร์”
ด้านนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ผลจากการจัดงาน ทำให้ทราบว่าอาหารแห่งอนาคต อาหารที่มีองค์ความรู้ มีนวัตกรรม กำลังเป็นเทรนด์ของโลก ผู้ประกอบการของไทยควรศึกษาและหาโอกาสจากแนวโน้มนี้ ซึ่งในส่วนของกรมฯ พร้อมที่จะให้การสนับสนุน โดยมีการอบรม สัมมนาต่าง ๆ ในเรื่องอาหารแห่งอนาคต และเทรนด์อาหารของโลก