สภาอุตฯจัดดีเบตใหญ่ 9 พรรค ตอบโจทย์แก้ปัญหาภาคอุตฯ ใครเข้าตา?

ต่อทิศทางอนาคตของประเทศไทยนับจากนี้จะเป็นอย่างไร และแอ็กชั่นของภาคเอกชนต่อการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมีขึ้น จะมีไฮไลท์อย่างไรบ้างนั้น  นายเกรียงไกร  เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ”คำต่อคำดังนี้

• ทาง ส.อ.ท.จะมีกิจกรรมเพื่อรับกับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นอย่างไรบ้าง

ทาง ส.อ.ท.จะจัดเวทีให้พรรคการเมืองร่วมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ การเพิ่มขีดแข่งขันประเทศ การทรานส์ฟอร์มสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ นโยบายแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น เป็นต้น รวมถึงจะตอบสนองหรือแก้ปัญหาให้ภาคเอกชนอย่างไรในหลายเรื่อง เช่น ด้านพลังงาน วัตถุดิบ แรงงาน การเงิน เป็นต้น โดยได้รับการตอบรับแล้วจาก 9 พรรคการเมือง

"เวทีดังกล่าว เราจะจัดขึ้นในวันที่ 28 มีนาคมนี้ ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่ห้องคอนเวนชั่น โรงแรมเซ็นทารา แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ช่วงเวลา 9.00-12.00 น.โดยจะมี 9 พรรคการเมืองมาร่วมแสดงนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ"นายเกรียงไกร กล่าว

•  มองทิศทางอนาคตประเทศไทยหลังเลือกตั้งอย่างไรบ้าง

ตอนนี้ยังคงเร็วเกินไปที่จะพูดอะไรเพราะเพิ่งมีการยุบสภา คงต้องรอดูว่าหลังการเลือกตั้งแล้ว พรรการเมืองใดบ้างจะได้เป็นแกนนำและจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เพราะแต่ละพรรคการเมืองมีโยบายการบริหารเศรษฐกิจ และบริหารต่างประเทศที่มีความต่างและคล้ายกัน

นอกจากนี้ยังต้องรอดูนโยบายของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งจะทำให้ทราบถึงนโยบายหลัก และนโยบายเร่งด่วนในแต่ละด้านที่รัฐบาลจะดำเนินการซึ่งจะทำให้เห็นภาพทิศทางอนาคตของประเทศชัดเจนขึ้น

• การยุบสภาและนำสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่สร้างความเชื่อมั่นภาคธุรกิจได้มากน้อยแค่ไหน

การประกาศยุบสภาอยู่ในช่วงเวลาที่ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม และหลายฝ่ายคาดการณ์ไว้แล้ว ข้อดีคือ การยุบสภาทำให้ทุกอย่างมีความชัดเจนขึ้น ภาคเอกชนไม่ชอบอะไรที่อึมครึม ซึ่งความชัดเจนจะนำสู่การวางแผน และการตัดสินใจของผู้บริหารองค์กรให้เหมาะสมเพื่อล้อไปกับไทม์ไลน์การเลือกตั้ง เช่น การวางแผนธุรกิจ การวางแผนลดความเสี่ยง หรือวางแผนจะทำอะไรก่อนหลัง เพื่อรอดูการเลือกตั้งครั้งนี้ จากยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

• นโยบายของพรรคการเมืองส่วนใหญ่ที่ใช้ในการหาเสียง

นโยบายมีจุดเด่น จุดด้อยต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะชูนโยบายด้านเศรษฐกิจ การฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง นโยบายเรื่องปากท้องให้คนมีกินมีใช้ เพิ่มรายได้เกษตรกร เพิ่มค่าแรง กระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองหลัก เมืองรอง เมดิคัลฮับ การทรานส์ฟอร์มประเทศสู่ยุคดิจิทัล เป็นต้น

“นโยบายส่วนใหญ่มุ่งประชานิยม เพิ่มค่าแรง กระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว e-Wallet การอัดฉีดเงินสู่ภาคประชาชนและผู้ด้อยโอกาส เอสเอ็มอี และผู้ใช้แรงงานที่เป็นกลุ่มเปราะบางของทุกประเทศ และเป็นคนที่เป็นฐานเสียงส่วนใหญ่ที่ทุกพรรคพยายามเข้าไปเจาะเพื่อดึงคะแนนเสียง โดยทุกข์ของคนกลุ่มนี้คือรายได้ไม่พอรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกวัน จากเงินเฟ้อสูง และมีหนี้ครัวเรือนค้ำคออยู่ จึงอยากได้คนช่วยแก้เพื่อให้หลุดพ้นจากปัญหา หรือหลุดพ้นจากวงจร”

เฉพาะอย่างยิ่งภาระหนี้ครัวเรือนของไทยเวลานี้สูงกว่า 90% ต่อจีดีพี กดทับกำลังซื้อ จากรายได้ หรือเงินเดือนที่ผ่านมือในแต่ละเดือนต้องนำไปใช้หนี้ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เมื่อไม่พอก็หันไปพึ่งพาการกู้หนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยสูง เสี่ยงดวงจากการเล่นการพนัน พนันออนไลน์ และการเล่นหวยที่กำลังเฟื่องฟู ซึ่งเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ระยะยาวไม่เป็นผลดีกับประเทศ  นักการเมืองหรือว่าที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งแก้ไข

• พรรคเพื่อไทยหาเสียงจะขับเคลื่อนจีดีพีประเทศให้เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ด้วยซอฟต์ พาวเวอร์ มีความเป็นไปได้หรือไม่

จีดีพีโต 5% ต่อปีมีโอกาสเป็นไปได้หมด เพราะทุกพรรคส่วนใหญ่มีโยบายจะผลักดันเศรษฐกิจด้วยนโยบายที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ไทยติดกับดักประเทศรายได้ปานกลางมาหลายปีแล้ว จากตลอด 10 กว่าปีก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจหรือจีดีพีโตเฉลี่ยปีละ 3% โดยปี 2565 ล่าสุดขยายตัวเพียง 2.6% ทำให้ยังไม่สามารถก้าวสู่ประเทศรายได้สูงได้ ดังนั้นรัฐบาลใหม่ต้องบริหารประเทศให้หลุดพ้นกับดักเหล่านี้ไปให้ได้