“เน็กซ์ พอยท์” เปิดผลประกอบการปี 65 โกยกำไร 208 ล้าน

09 มี.ค. 2566 | 07:21 น.

“เน็กซ์ พอยท์” กางผลประกอบการปี 65 คว้ากำไร 208 ล้านบาท หลังไตรมาส 4 เร่งส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้า เล็งขายหุ้นสามัญ TERA ราว 90 ล้านหุ้น เข้าตลาด MAI ยันให้สิทธิ์ผู้ถือหุ้น NEX จองก่อน

นายคณิสสร์  ศรีวชิระประภา  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผยว่า ผลประกอบการ ปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 208.37 ล้านบาท พลิกมีกำไรเมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีผลขาดทุน 106.86 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,563.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 885% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จำนวน 5976.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,401.83% เนื่องจากในปี 2565 บริษัทสามารถจำหน่ายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้จำนวน 1,080 คัน ส่งผลโดยตรงต่อรายได้จากการประกอบธุรกิจของกลุ่มกิจการ กำไรขั้นต้นปี 2565 จำนวน 396.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 169% ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์

“เน็กซ์ พอยท์” เปิดผลประกอบการปี 65 โกยกำไร 208 ล้าน

สำหรับธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ปี 2565 มีผลกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานจำนวน 319.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 245.74 ล้านบาท หรือ 334% ส่วนใหญ่มาจากการขายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จำนวน 1,080 คัน ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และระบบซอฟต์แวร์ ในปี 2565 มีผลกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงาน จำนวน 122.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% โดยผลการดำเนินงานของธุรกิจขึ้นอยู่ในระดับคงที่จากการแข่งขันที่สูง 
 

ทั้งนี้ยังได้รับผลเชิงบวกจากสถานการณ์โควิด เนื่องจากลูกค้าต้องใช้บริการระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในการทำงานเป็นจำนวนมาก ส่วนธุรกิจให้บริการขนส่ง ปี 2565 มีผลขาดทุนขั้นต้น จำนวน 45.04 ล้านบาท ทั้งนี้เฉพาะไตรมาส 4/2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 322 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาส 3/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 7.95 ล้านบาท ถึง 3,950% และพลิกบวกจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 16.49 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทที่ 9 เดือนขาดทุนในระดับ 114 ล้านบาท กลับกลายเป็นกำไรถึง 208 ล้านบาท

“เน็กซ์ พอยท์” เปิดผลประกอบการปี 65 โกยกำไร 208 ล้าน

ขณะเดียวกันบริษัทจะเดินหน้าขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ บริษัท เทอร์ราไบท์พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ TERA ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ คาดว่าจะสามารถซื้อ-ขายในช่วงไตรมาส 4/2566 เบื้องต้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบให้ TERA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และนำ TERA เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ซึ่ง TERA จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ภายใต้โครงการ ESOP และ IPO รวมจำนวน 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 37.50% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ TERA 
 

นายคณิสสร์ กล่าวต่อวว่า บริษัทเห็นควรให้มีการเสนอขายหุ้นสามัญ ให้กับกลุ่มที่เป็นผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัท เพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท ที่อาจเกิดขึ้นจากแผน Spin-Off  ให้มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นของ TERA ตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท (Pre-Emptive Rights) ในสัดส่วนไม่เกิน 51% ของจำนวนหุ้นสามัญ ที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยหากมีหุ้นสามัญที่เหลือจากการเสนอขาย Pre-Emptive Rights ให้ TERA นำขายหุ้นที่เหลือจัดสรรเสนอขายต่อประชาชนต่อไป

“เน็กซ์ พอยท์” เปิดผลประกอบการปี 65 โกยกำไร 208 ล้าน

ทั้งนี้ภายหลังการ IPO บริษัทจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TERA และ TERA จะมีสถานะเป็นบริษัทร่วมของบริษัท จากเดิมที่มีสถานะเป็นบริษัทย่อย และบริษัทจะยังคงสัดส่วนการถือหุ้นใน TERA ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 31.88% ของทุนชำระแล้วของ TERA ภายหลังการ IPO

 

อย่างไรก็ตาม TERA ประกอบธุรกิจเป็นผู้จัดจำหน่าย และให้บริการเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ขนาดใหญ่แบบครบวงจร  เช่น ระบบเซิร์ฟเวอร์  จัดเก็บข้อมูล  ระบบเครือข่าย  และระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล เป็นต้น โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Hewlett Packard (HP) เป็น Hardware หลักมีการจัดจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ร่วมกับการพัฒนาโปรแกรมการใช้งานคอมพิวเตอร์ รวมถึงการเป็นผู้วิจัย พัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์โซลูชัน ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญา และให้การให้บริการบำรุงรักษาทั่วประเทศ