นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่จะนำเรื่องเสนอในสภากรุงเทพมหานครในวันพรุงนี้ (26 ต.ค. 65) นั้น ประกอบด้วย 2 เรื่อง คือ 1.กรณีค่าโดยสารของส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 ช่วงหมอชิต-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ โดยกรุงเทพมหานครเสนอให้จัดเก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย
ทั้งนี้หากสภากรุงเทพมหานครเห็นชอบจะมีการสั่งการต่อไปยังบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ให้มีการจัดเก็บค่าโดยสาร ซึ่งทาง KT จะแจ้งแก่เอกชนผู้ดำเนินการต่อไป คือใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนนับจากสภากรุงเทพมหานครเห็นชอบ
2. กรณีตอบกลับหนังสือขอความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ของกระทรวงมหาดไทยนั้น เมื่อสภากรุงเทพมหานครให้ความเห็นแล้ว จะมีการตอบกลับหนังสือต่อไป
สำหรับความเห็นของผู้บริหารกรุงเทพมหานครนั้นมี 2 ประเด็น คือ
1.เห็นว่าไม่ควรมีการต่อสัมปทาน โดยคำสั่งคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ที่ 3/2562 แต่ควรต่อสัมปทานโดยใช้วิธีการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562
2.ขออุดหนุนค่าใช้จ่ายโครงสร้างงานโยธา ของส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 ช่วงหมอชิต-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เนื่องจากรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ก็มีการขออุดหนุนค่าใช้จ่ายโครงสร้างโยธาเช่นกัน
นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อว่า การขออุดหนุนค่าโครงสร้างงานโยธานั้น เป็นเรื่องปกติของการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ซึ่งปัจจุบันค่าก่อสร้างงานโยธา รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 กรุงเทพมหานครได้รับโอนหนี้จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)ประมาณ 5.8-5.9 หมื่นล้านบาท รวมดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลไม่เห็นด้วยในการขออุดหนุน กรุงเทพมหานครมีแนวทาง คือ การเจรจาเพื่อโอนรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งระบบ ได้แก่ 1.สัมปทานช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน 2.ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า และ3.ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ให้กับรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขบางประการ เช่น การของบประมาณชดเชยและการกำหนดเพดานค่าโดยสาร ฯลฯ