svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

กทม.ยื้อ! จ่ายหนี้BTSยื่นอุทธรณ์ลดมูลหนี้ แนะสูตรใหม่ใช้เงินอนาคตมาจ่าย

09 กันยายน 2565

กทม.ติดบ่วงหนี้ สายสีเขียว หลังศาลปกครองกลาง มีคำสั่ง ชดใช้หนี้ ค่าจ้างเดินรถ ให้กับบีทีเอส 11,754 ล้านรวมดอกเบี้ย“เคที” ผ่าทางตันยื่นอุทธรณ์ พร้อมเจรจาบีทีเอส ขอผ่อนชำระ

 

หนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สร้างความระส่ำ กลายเป็นบ่วงคล้องคอ กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) เมื่อศาลปกครองกลาง อ่านคำพิพากษาวันที่ 7 กันยายน 2565 ในคดีผิดสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว)

 

 

โดยให้ทั้ง 2 หน่วยงานร่วมกันชำระค่าตอบแทนตามสัญญา ให้กับ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้รับจ้างเดินรถในส่วนต่อขยายฯ ฐานะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องกทม.และ KT เป็นจำนวนเงิน รวมดอกเบี้ย 11,750 ล้านบาท ภายใน 180 วัน​ นับแต่คดีถึงที่สุด​ แต่ไม่รวมถึงการยื่นอุทธรณ์ของฝั่งกทม.

 

 

กู้แบงก์ ใช้รายได้อนาคต

              

ทางออกหนึ่งของกทม.ที่จะหาเงินมาชระหนี้คืนให้กับบีทีเอส แหล่งข่าวจากแวดวงการเงินระบุว่ากทม.ต้องเจรจาของกู้เงินจากสถาบันการเงินการันตี โดยใช้รายได้อนาคตหลังปี 2573 ที่โครงการสายสีเขียว ท่อนกลางจะหมดอายุสัมปทานกลับมาเป็นของ กทม.

 

 

ซึ่งรายได้หลังจากนั้น จะใช้ในการชำระคืนเงินกู้ให้กับสถาบันการเงิน เป็นรายงวดพร้อมดอกเบี้ย ตามแต่จะตกลงกัน แต่แนวทางนี้เป็นเรื่องที่แบงก์ต้องคิดหนัก เพราะเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าสัญญาสัมปทานส่วนตรงกลางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะหมดอายุลง

อีกแนวทางปมภาระหนี้ ที่ค่าจ่างเดินรถที่มองว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง นายชัชชาติ สุทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อาจเสนอเจรจารื้อสัญญา ขอลดอัตราค่าจ้างลงเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าจากการจัดเก็บค่าโดยสารแต่ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับบีทีเอส คู่สัญญาด้วยว่าจะยินยอมหรือไม่ แต่หากสามารถตกลงกันได้ก็จะเป็นทางออกอีกทางที่ช่วยได้ในระดับหนึ่ง

 

มติชัดยื่นอุทธรณ์

              

 

ด้านนายธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการบริหารบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด นัดพิเศษเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 8 กันยายน ได้มีการหารือถึงกรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ กทม. และเคที ชดใช้ค่าเสียหายราว 11,754 ล้านบาท รวมดอกเบี้ย ช่วงส่วนต่อขยายที่ 1 สายสีลม ช่วงสถานีสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ และสถานีวงเวียนใหญ่-บางหว้า สายสุขุมวิท

 

 

สถานีอ่อนนุช-แบริ่ง และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-สมุทร ปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ให้กับ บีทีเอส กรณีผิดสัญญาชำระค่าตอบแทนการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เบื้องต้นที่ประชุมมีมติให้ทางบริษัทและ กทม. ขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองภายใน 30 วัน พร้อมขอพิจารณาคดีใหม่ โดยจะต้องนำเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมหารือร่วมกับกทม.เร็วๆ นี้

              

 

“การขอพิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากหนี้ที่มีอยู่เป็นหนี้ผูกพันระหว่างบีทีเอสซี-เคที-กทม. ซึ่งจะต้องศึกษาความชัดเจนข้อกฎหมายให้เกิดความรอบคอบ โดยบริษัทและกทม.จะศึกษาตัวเลขมูลหนี้ในส่วนใดบ้างที่ไม่ชัดเจนและไม่มีข้อสงสัยที่ต้องกังวล เพื่อลดปัญหาภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าตัวเลขใดที่ยังไม่มีความชัดเจนและมีข้อสงสัยจะชำระก่อนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะโอกาสที่ไม่จำเป็นต้องชำระหนี้ก็มีเช่นกัน หากได้ข้อสรุปแล้วจะเจรจากับบีทีเอสอีกครั้ง เพื่อขอชำระหนี้เป็นงวด หรือจะดำเนินการชำระหนี้อย่างไรขึ้นอยู่กับการเจรจา”

 

เจรจาประนอมหนี้

              

นายธงทอง กล่าวต่อว่า บริษัทจะขอพิจารณาคดีใหม่ต่อศาลปกครองและยื่นอุทธรณ์ ในประเด็นการคิดคำนวณค่าใช้จ่ายที่เป็นหนี้ตามสัญญาที่เกิดขึ้นรวมทั้งมีปัจจัยใดบ้างที่ได้รับผลกระทบในการชำระหนี้ ปัจจุบันบริษัทได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาตัวเลขในสัญญาเพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งเหลือระยะเวลาดำเนินการอีก 1 เดือน

              

“กรณีที่หลายคนมองว่าหากชำระหนี้ล่าช้าจะทำให้มูลหนี้เพิ่มขึ้นนั้น เรามองว่าไม่ได้การปิดกั้นโอกาสในการพูดคุยเจรจาระหว่างกัน ส่วนคดีที่ยังอยู่ในศาลปกครองเป็นไปตามกระบวนการ หากมีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดอาจมีการเจรจาประนอมหนี้ก็สามารถดำเนินการได้”

              

นายธงทอง กล่าวต่อว่า กรณีหนี้ส่วนต่อขยายที่ 1 มีมูลหนี้ชัดเจนแล้ว จะดำเนินการชำระหนี้ให้กับบีทีเอสเมื่อไรนั้น ทางบริษัทมองว่าหนี้ส่วนต่อขยายที่ 1 ยังมีหนี้บางรายการที่มีความชัดเจนและไม่ชัดเจน ซึ่งจะต้องรอดูว่ากทม.มีความคิดเห็นอย่างไร เพราะบริษัทเป็นรัฐวิสาหกิจไม่ได้มีสภาพคล่องทางการเงินที่จะดูแลค่าใช้จ่ายได้มากนัก

              

สอดคล้องกับ นายชัชชาติ ที่เตรียมยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด 2 ประเด็น เคลียร์ปมรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ก่อนจ่ายหนี้ 11,750 ล้านบาท กรณีคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ให้กทม. และเคที ชดใช้หนี้ ดังนี้ 1.ประเด็นเรื่องที่ค้างอยู่ใน ครม. ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2562 ซึ่งหาก กทม. จ่ายไปก่อน แล้วเจรจาสำเร็จ

 

เงินที่จ่ายไปจะดำเนินการอย่างไร 2.ประเด็นส่วนต่อขยายที่ 2 ซึ่งไม่ได้มีสัญญาจ้าง แต่เป็นการมอบหมายงานระหว่าง กทม. และ เคที ซึ่ง กทม.มีอำนาจจ่ายหรือไม่ ยังไม่ชัดเจน นายชัชชาติกล่าวว่า ทั้งสองประเด็นดังกล่าวยังไม่ได้แสดงหลักฐานต่อศาลปกครองกลางในครั้งนี้ และหากมีแง่มุมใดที่ต้องการความชัดเจนก็จะได้ยื่นแก่ศาลปกครองต่อไป

 

บีทีเอสพร้อมเจรจา

              

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” หากกทม.ขอเจรจาประนอมหนี้ด้วยการขอผ่อนชำระเป็นรายงวด มองว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้และบริษัทพร้อมเจรจาแต่ทั้งนี้ต้องนำเรื่องเข้าสู่การเจรจาของคณะกรรมกรรมการบริษัท

              

ขณะคำสั่งศาลปกครองให้กทม.และเคที ชำระหนี้ ค่าจ้างเดินรถให้กับบริษัท วงเงิน 11,750 ล้านบาทนั้น ศาลได้ยึดวัน ที่ยื่นฟ้องคือ วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 โดยให้ชำระคืนทั้งก้อน แต่ กทม.สามารถยืดเวลาออกไปจากการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่เมื่อเวลาถูกทอดยาวออกไป แน่นอนว่าภาระหนี้จากการเดินรถรายวันและดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นมาก ปัจจุบันเมื่อรวมหนี้ทั้งค่าเดินรถและหนี้ลงทุนระบบเครื่องกล จะมีหนี้มากถึงกว่า 4 หมื่นล้านบาท

              

ส่วนการจัดเก็บค่าโดยสารของกทม.เพื่อนำมาชำระหนี้ให้กับบริษัทขึ้นอยู่ว่าจะตั้งราคาอยู่ที่เท่าใด หากอยู่ที่ 59 บาทตลอดสายก็ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ ส่วนการเจรจายกเว้นค่าแรกเข้า 15-16 บาท ให้กับกทม.มองว่าเป็นไปได้ยาก  

กทม.ยื้อ! จ่ายหนี้BTSยื่นอุทธรณ์ลดมูลหนี้ แนะสูตรใหม่ใช้เงินอนาคตมาจ่าย