‘ดีเอชซี’ญี่ปุ่นหวนคืนตลาดเครื่องสำอางไทย
ดีเอชซี รีเทิร์นกลับมาบุกตลาดเครื่องสำอางในไทยอีกครั้ง หลังอาราตะญี่ปุ่นผนึกกำลังเครือสหพัฒน์ ทำตลาดในไทยปูพรมกระจายสินค้าแล้ว 200 แห่ง พร้อมใช้ไทยเป็นฐานสู่ตลาดอาเซียน และเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ทำตลาดต่อเนื่อง วางเป้า 3 ปีทำรายได้ 50 ล้าน
นายฮิโรชิ นากายะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาราตะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและทำตลาดผลิตภัณฑ์แบรนด์ดีเอชซี (DHC) จากประเทศญี่ปุ่น บริษัทในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ได้เข้ามาเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดีเอชซี ได้ประมาณ 1 ปี หลังจากที่ดีเอชซี คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่นได้ยุติการนำเข้าและทำตลาดผลิตภัณฑ์ดังกล่าว บริษัท อาราตะ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น จึงเห็นโอกาสการเข้ามาทำตลาดผลิตภัณฑ์ดีเอชซีในประเทศไทย จึงได้ร่วมทุนกับบริษัท สหพัฒพิบูล จำกัด (มหาชน) โดยแบ่งสัดส่วนการถือหุ้นออกเป็น บริษัท อาราตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด สัดส่วน 49% บริษัท อาราตะ (ประเทศไทย)ฯ สัดส่วน 26% และเครือสหพัฒน์ สัดส่วน 25%
โดยนโยบายของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น พยายามผลักดันให้นักธุรกิจญี่ปุ่นออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน ทำให้บริษัทวางแผนใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการบุกตลาดอาเซียนของแบรนด์ดีเอชซีด้วย ซึ่งแผนธุรกิจในระยะ 3 ปีได้ตั้งเป้าหมายทำรายได้ 50 ล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าจะทำยอดขายได้ 20 ล้านบาท ซึ่งแนวทางการทำตลาดจะเน้นการทำโปรโมชั่น และจัดรายการส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย พร้อมกับการใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงการใช้สื่อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสินค้าจำหน่ายทั้งสิ้น 52 รายการ ภายในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่มเครื่องสำอางและสกินแคร์ รวมถึงการนำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเข้ามาทำตลาด
"เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาแบรนด์ดีเอชซี ทำตลาดและจัดจำหน่ายโดยบริษัท ดีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือจากประเทศญี่ปุ่น ที่ทำตลาดและจัดจำหน่ายผ่านช่องทางทีวีชอปปิ้งและร้านดีเอชซีที่มีไม่กี่แห่ง ทำให้อาจจะมีข้อจำกัดในการจำหน่ายสินค้า หลังจากที่บริษัทเข้ามาเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายจึงได้ขยายช่องทางไปยังร้านเฮลท์แอนด์บิวตี้ ร้านซูรูฮะ ร้านมัทสึโมโตะ คิโยชิ และร้านวัตสัน ซึ่งปัจจุบันมีรวมกันกว่า 200 แห่ง ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะขยายช่องทางไปยังร้านแบรนด์ใหม่ รวมถึงการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นด้วย"
สำหรับสินค้าที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน เป็นการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 100% โดยมีราคาสูงกว่าราคาที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นประมาณ 20% อาทิ สินค้าที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น 40 บาท เมื่อนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยประมาณ 50 บาท ซึ่งแผนงานในอนาคตนอกจากการนำเข้าและทำตลาดแบรนด์ดีเอชซีแล้ว จะหาสินค้าของไทยส่งออกกลับไปทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และคัดเลือกสินค้า
นายฮิโรชิ กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายของบริษัที่ต้องการการนำสินค้าจากประเทศไทยไปจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากบริษัทมีช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าที่ดำเนินธุรกิจอยู่กว่า 1,000 แห่ง และมีสินค้าจัดหน่ายอยู่กว่า 1 แสนรายการ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,175 วันที่ 17 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559