ดร. กุลเดช สินธวณรงค์ 'ดีไซน์ เมกเกอ' ปั้นแบรนด์ 'เชียงราย ยูไนเต็ด'

26 มิ.ย. 2559 | 13:00 น.
ธุรกิจกีฬาในเมืองไทยห้วงเวลานี้ถือเป็น "ขาขึ้น" ที่ใครก็ไม่ปฏิเสธ กระแสความนิยมทั้งโตโยต้าไทยลีก วอลเลย์บอล ไทยแลนด์ ลีก และอีกหลายชนิดกีฬา รวมถึงผลการแข่งขันของนักกีฬาทีมชาติไทย ที่คว้าชัยชนะและสร้างความสุขให้กับคนไทย ปลุกให้เกิดเม็ดเงินสะพัดจำนวนมาก วันนี้สโมสรกีฬาชั้นนำ เริ่มหันกลับมามองและคิดต่อยอดจากกีฬาสู่ธุรกิจเต็มรูปแบบด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่นเดียวกับทีมสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด เจ้าของฉายา "กว่างโซ้ง" ที่เตรียมพร้อมเปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ ภายใต้การนำของ กลุ่มบริษัท จาร์เค็น จำกัด

"ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ "ดร. กุลเดช สินธวณรงค์" ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท จาร์เค็น จำกัด ผู้ก้าวเข้ามารับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ "เชียงราย ยูไนเต็ด" ก้าวขึ้นติดท็อป 5 ของเมืองไทย ก่อนที่จะก้าวไกลสู่อาเซียนด้วยความแข็งแกร่งในสนามธุรกิจ

 โอกาสและจุดแข็งของเชียงรายฯ คืออะไร

ดร.กุลเดช เล่าว่า จากการศึกษาและวิเคราะห์ทีมสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด จะพบว่า ทีมเชียงรายฯถือเป็นทีมฟุตบอลหนึ่งที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งระบบการบริหารจัดการ การเงิน นักฟุตบอล รวมถึงยังเป็น 1 ใน 4 ทีมฟุตบอลในเมืองไทยที่มีสนามเป็นของตัวเอง ทำให้มองเห็นเป็นโอกาสในการพัฒนา สร้างมูลค่าเพิ่มและต่อยอดสู่การเป็นธุรกิจกีฬาได้

โดยเบื้องต้นในฐานะที่ปรึกษาด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ บริษัทเตรียมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับทีม เริ่มจากการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการภายในโดยบริษัทมุ่งเน้นกิจกรรมต่างๆภายนอกสนาม การสร้างเม็ดเงิน ภาพลักษณ์ ตลอดจนการยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศไทยและอาเซียน ส่วนเรื่องในสนามแข่งขัน การวางแผนทีม การซื้อนักเตะ จะเป็นหน้าที่ของประธานสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด คือ นายมิตติ ติยะไพรัช

" การสร้างทีมให้ประสบความสำเร็จจำเป็นจะต้องอาศัยการบริหารจัดการที่ดี รวมถึงการดีไซน์ธุรกิจให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถต่อยอดเป็นเม็ดเงิน รายได้ให้กับสโมสร ควบคู่ไปกับผลงานในสนาม ที่ต้องการชัยชนะด้วย"

 แผนสร้างแบรนด์เป็นอย่างไร

บริษัทเตรียมใช้งบประมาณกว่า 300 ล้านบาทในระยะเวลา 2 ปี สำหรับการปรับปรุงสนามฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด ให้เป็นสนามกีฬาที่ทันสมัย รองรับผู้ชมได้ 2.2 หมื่นคน รวมทั้งก่อสร้างโรงแรมที่พัก สวนสาธารณะ (Park) เพื่อยกระดับให้ที่นี่เป็นสปอร์ต ทัวริซึม และเป็นอีเวนต์ อเวนิว ที่สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งรูปแบบดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมากในสโมสรฟุตบอลแถบยุโรป นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนใช้งบการตลาดราว 100 ล้านบาทในการสร้างแบรนด์และสร้างการรับรู้ โดยมุ่งเป้าหมายที่จะสร้างให้ทีมเชียงใหม่ ยูไนเต็ด เป็นทีมฟุตบอลชั้นนำ ไม่ใช่เป็นตัวแทนของภาคเหนือ และมีแฟนคลับอยู่ทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าที่จะสร้างแฟนคลับให้เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวในระยะเวลา 2 ปี หรือประมาณ 1 ล้านคน

พร้อมกันนี้บริษัทยังเตรียมสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการต่อยอดจากฟุตบอล เพื่อสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น รายได้จากสปอนเซอร์ทั้งบนอกเสื้อนักฟุตบอล , กางเกง , ชุดซ้อม รวมถึงโฆษณารอบสนาม การบริหารจัดการตัวนักเตะ การผลิตและจำหน่ายของที่ระลึก ชุดนักฟุตบอล เป็นต้น

" แผนการพัฒนาจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส โดยเฟสแรกเน้นการปรับจากภายนอกสนาม เช่น โลโกของสินค้า จากเดิมใช้ตัวย่อ "CRUTD" เป็น "CR" เพื่อทำให้สะดุดตา จดจำง่าย ทันสมัย เฟสที่ 2 เป็นการต่อยอดจากโลโก "CR" ในการออกแบบและผลิตสินค้าใหม่ๆ อาทิ เสื้อยืด กางเกง หมวก ของที่ระลึกต่างๆ และชุดกีฬา sport wear คอลเลกชันพิเศษ สำหรับผู้หญิง รวมไปถึงการเปิด Shop ใหม่ที่สยามสแควร์ และเพลงเชียร์ใหม่ โดยนักร้องนักแต่งเพลงมืออาชีพ เฟสที่ 3 เป็นเรื่องของในสนาม กับการรีโนเวทสนามเชียงรายยูไนเต็ด ให้เป็น sport destination และมีฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ"

 เป้าหมายของบริษัทคืออะไร

ในฐานะดีไซน์ เมกเกอร์ "ดร.กุลเดช" บอกว่า หลังจากที่เริ่มเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาเมื่อ 3 เดือนก่อน ทำให้เชื่อมั่นว่าทีมเชียงราย ยูไนเต็ดจะเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และสามารถทำผลงานได้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ โดยเป้าหมายของทีมเชียงราย ยูไนเต็ด คือ การทำงานผลให้ดีและติดอันดับท็อป 5 ของสโมสรฟุตบอลชั้นนำของเมืองไทย และเริ่มมีกำไรในปีที่ 2 โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโตอย่างน้อยปีละ 20-30% โดยปีนี้จะมีรายได้ราว 150 ล้านบาท ส่วนในอนาคตคือการก้าวขึ้นเป็นทีมสโมสรในระดับอาเซียน ซึ่งปัจจัยสำคัญคือการสร้างผลงานในสนามให้ดี

ขณะที่การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ทีมเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งกลุ่มจาร์เค็นเอง ก็มีประสบการณ์ โดยปัจจุบันเป็นผู้ออกแบบสร้างและพัฒนา consumer brand retail brand และ corporate brand กว่า 18 ประเทศทั่วเอเชียและยุโรป จึงมีฐานลูกค้าที่กว้างขวาง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,169 วันที่ 26 - 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559