คนละครึ่งช่วยชีวิตร้านอาหาร! สมาคมภัตตาคารไทยหนุนแพ็คเกจ 6 แกนหลักฟื้นธุรกิจ

22 ก.ย. 2568 | 22:10 น.

สมาคมภัตตาคารไทยยืนยันการสนับสนุนโครงการ "คนละครึ่ง" และการนำเสนอ "นโยบายแบบแพ็คเกจ 6 แกนหลัก" เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤติ และช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารที่เผชิญกับสถานการณ์ท้าทายจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว การแข่งขันสูง และความไม่แน่นอนของตลาด

KEY

POINTS

  • สมาคมภัตตาคารไทยเสนอ "แพ็คเกจ 6 แกนหลัก" ต่อรัฐบาล เพื่อฟื้นฟูธุรกิจร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจซบเซาและต้นทุนสูง
  • มาตรการดังกล่าวต่อยอดจากความสำเร็จของโครงการ "คนละครึ่ง" โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างครบวงจร
  • ข้อเสนอ 6 แกนหลักครอบคลุมการช่วยเหลือรอบด้าน ทั้งด้านการเงินและภาษี, การลดต้นทุนปฏิบัติการ, การสนับสนุนแรงงาน, การตลาด, การส่งเสริมดิจิทัล และการปรับปรุงกฎหมาย

สมาคมภัตตาคารไทย โดย นางฐนิวรรษ กุลมงคล นายกสมาคม กล่าวว่า ธุรกิจร้านอาหารเคราะห์ซ้ำกรรมซัด คาดว่า-ธุรกิจร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มปี 2568 โตแค่ 2.8% เศรษฐกิจซบกระทบการใช้จ่าย ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเสี่ยงไม่โต 

โดยในปี 2568 คาดว่า ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท เติบโต 2.8% จากปี 2567  ซึ่งเป็นการปรับลดจากคาดการณ์เดิมที่เติบโต 4.6% หรือมีมูลค่า 657,000 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2567

ทั้งนี้ การแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารเครื่องดื่มที่สูง เทรนด์ของร้านอาหารและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ขณะที่ต้นทุนราคาวัตถุดิบอาหารผันผวนในระดับสูง แต่การปรับราคาทำได้จำกัด ส่งผลกระทบต่อรายได้และผลกำไรของผู้ประกอบการ-เป็นอย่างมาก

นางฐนิวรรณ กล่าวว่าต่อว่า ความเสี่ยงของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม มาจากปัจจัยหลักๆ ด้านต้นทุนรอบด้านของธุรกิจร้านอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งค่าแรงที่มีสัดส่วนประมาณ 15% ของต้นทุน  ขณะที่ค่าสาธารณูปโภคและค่าเช่ามีสัดส่วนรวมกันกว่า 20% ของต้นทุนรวม

รวมถึงราคาวัตถุดิบอาหารซึ่งคิดเป็นประมาณ 35% ของต้นทุนตลอดจน ต้นทุนที่สำคัญอื่นๆ ตลอดจน นโยบายภาษีจากสงครามการค้าที่ทำให้ราคาสินค้าบางประเภทสูงขึ้น โดยราคาวัตถุดิบในประเทศปรับขึ้นหลายรายการ อาทิ ไข่ไก่ และเนื้อหมูสด

นางฐนิวรรษ กุลมงคล

ขณะที่กลุ่มวัตถุดิบอาหารที่ต้องนำเข้า อาทิ นมผง เนย ชีส แป้งสาลี โกโก้ และเมล็ดกาแฟ แม้จะปรับตัวลดลงจากในช่วงต้นปี 2568 แต่ราคายังผันผวนในระดับสูง ทำให้กลุ่มร้านเครื่องดื่ม ร้านเบเกอรี่และอาหารตะวันตกจะเป็นกลุ่มได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก

นางฐนิวรรณในฐานะ นายกสมาคมฯ เดินหน้าผลัก-“6 มาตรการหลัก ที่เน้นเป็น “นโยบายแบบแพ็คเกจ 6 แกนหลักครบวงจร” โดยครอบคลุมด้าน—ลดต้นทุน-เพิ่มรายได้-พัฒนาทักษะ-ส่งเสริมการตลาด-เพื่อการพัฒนาธุรกิจร้านอาหารอย่างยั่งยืน  ต่อภาครัฐ ขานรับต่อจากนโยบาย “คนละครึ่ง”-ของรัฐบาล ที่กำลังจะประกาศใช้ 

โดย “นโยบายแบบแพ็คเกจ 6 แกนหลักครบวงจร” เพื่อให้ธุรกิจร้านอาหารและท่องเที่ยวมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว  ประกอบด้วย ด้านการเงินและภาษี ด้านต้นทุนปฏิบัติการ ด้านแรงงาน-ทักษะ ด้านการตลาดและการท่องเที่ยว ด้านดิจิทัลและนวัตกรรมและสุดท้าย ด้านกฎหมาย-มาตรฐาน-ความยั่งยืน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

นโยบายแบบแพ็คเกจ 6 แกนหลักครบวงจร 

1.ด้านการเงิน–ภาษี (Cost Relief & Liquidity) โดยมีการสนับสนุนซอฟต์โลนดอกเบี้ยต่ำ 1-2% วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาทต่อกิจการ ค้ำโดย บสย. 70% พร้อมทั้งยกเว้น/ลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 50-100% เป็นเวลา 1 ปี สำหรับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร สุขาภิบาล ดนตรีสด และสื่อโฆษณา นอกจากนี้ยังมีการหักค่าใช้จ่ายลงทุนในด้านการยกระดับครัว ระบบความเย็น และพลังงานสะอาด แบบ Super Deduction 2.0 ที่สามารถหักเพิ่ม 1.5-2 เท่าในภาษีเงินได้บุคคลและนิติบุคคล

2.ในด้านลดต้นทุนปฏิบัติการ (Operating Cost) มีการเสนออัตราค่าไฟ–ค่าน้ำพิเศษ สำหรับกิจการบริการขนาดเล็ก/กลาง (SME Tariff) รวมทั้งจัดตั้งตลาดกลางวัตถุดิบอาหาร (Centralized Sourcing Hubs) ร่วมกับ อ.ต.ก. และเอกชน เพื่อตัดตัวกลาง ลดราคาวัตถุดิบลง 5-10%

3.ในด้านแรงงาน–ทักษะ (Jobs & Skills) รัฐบาลสนับสนุนค่าจ้างชั่วคราว 1,500-2,000 บาทต่อหัวต่อเดือน สำหรับพนักงานเดิมที่รักษาการจ้างงานต่อเนื่อง 6-12 เดือน พร้อมจัดโปรแกรม Upskill/Reskill ในทักษะต่างๆ เช่น ภาษา มาตรฐานบริการ การตลาดดิจิทัล และบริหารต้นทุน ผ่านความร่วมมือกับอาชีวะ มหาวิทยาลัย และแพลตฟอร์มออนไลน์ นอกจากนี้ยังเปิดช่องทางการจ้างแรงงานต่างชาติแบบ Fast-Track สำหรับตำแหน่งที่ขาดแคลน พร้อมควบคุมมาตรฐานค่าจ้างและสวัสดิการ

คนละครึ่งช่วยชีวิตร้านอาหาร! สมาคมภัตตาคารไทยหนุนแพ็คเกจ 6 แกนหลักฟื้นธุรกิจ

4.ด้านการตลาด–การท่องเที่ยว (Demand Stimulus) จะมีการจัดเทศกาลอาหารในจังหวัดต่างๆ และเส้นทาง Food Tourism ที่เชื่อมต่อแหล่งท่องเที่ยวชุมชน พร้อมทั้งดำเนินการแคมเปญ “Clean Food, Safe & Iconic” เพื่อผลักดันมาตรฐานร้านอาหารท้องถิ่น โดยสร้างคอนเทนต์หลายภาษาเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในระดับสากล

5.ในด้านดิจิทัล–นวัตกรรม (Digital Boost) รัฐบาลจะจัดทำ Mini-Grant มูลค่า 50,000–150,000 บาท เพื่อสนับสนุนธุรกิจในการพัฒนาระบบการจอง POS, Inventory, ระบบเดลิเวอรี และ Loyalty/CRM รวมทั้งเปิด Open Data สำหรับภาคท่องเที่ยวและอาหารเพื่อให้ SMEs ใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ นอกจากนี้ยังจะมีการจัดตั้งกองทุนสตาร์ทอัพ FoodTech/TravelTech เพื่อสนับสนุนโซลูชันในการลดต้นทุน ลดการสูญเสียอาหาร และพลังงานสะอาด

6.สุดท้ายในด้านกฎหมาย–มาตรฐาน–ความยั่งยืน (Ease & Green) รัฐบาลจะจัดทำ One-Stop License สำหรับใบอนุญาตธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ดนตรี ป้าย และสุรา ผ่านระบบดิจิทัล เพื่อลดระยะเวลาในการดำเนินการจากเดือนเป็นวัน อีกทั้งยังมีการสนับสนุนเงินอุดหนุน 30–40% สำหรับอุปกรณ์ประหยัดพลังงานและการลดการใช้พลาสติก รวมทั้งการจัดการขยะอาหารภายใต้โครงการ Green Restaurant/Hotel Program และการปรับปรุงผังเมืองเพื่อส่งเสริมโซนอาหารกลางคืนที่ปลอดภัย มีมาตรฐานเสียงและสุขอนามัย

5 ปัจจัย-ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่ซับซ้อน  ที่กระทบต่อธุรกิจร้านอาหาร  “ความแปลกใหม่+ประสบการณ์+คุณภาพ+สุขภาพ+ราคาสมเหตุสมผล”

ท้ายสุดเป็นอีกหนึ่งผลกระทบจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม  โดยประกอบด้วย 5 ปัจจัยสำคัญ คือ  “ความแปลกใหม่+ประสบการณ์+คุณภาพ+สุขภาพ+ราคาสมเหตุสมผล” ได้กลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ของผู้บริโภคใน

ปัจจุบันและเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่ได้มีรูปแบบตายตัว ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ต่ำและเปลี่ยนแปลงตามกระแสอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับรูปแบบธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว  ขณะที่ ด้วยตลาดที่เข้าง่ายแต่แข่งขันสูงจากจำนวนผู้ให้บริการที่มีมาก หลักหลายแสนร้าน ตลอดจนร้านอาหารในบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ ส่งผลให้แข่งขันของธุรกิจร้านอาหารดุเดือด การรักษาผลกำไรของธุรกิจให้ได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง จึงยังเป็นโจทย์ที่ท้าทาย 

การรับมือและแนวทางการปรับตัว การทำร้านอาหารยุคนี้ต้องรอบรู้ เข้าใจทั้งผู้บริโภคว่าต้องการอะไร และปรับตัวให้ทันสภาวะเศรษฐกิจ ลดต้นทุน ผู้ประกอบการต้องรัดเข็มขัด ควบคุมค่าวัตถุดิบ และบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด. 

ที่สำคัญที่สุด คือการตลาดออนไลน์ การไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์ทำให้ร้านอาหารกลายเป็นกลุ่มเสี่ยง ต้องสร้างตัวตนและการรับรู้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อลดการพึ่งพาแค่เพียงหน้าร้าน เท่านั้น  ยิ่งกว่านี้ การทำโปรโมชั่นกระตุ้นตลาดร่วมกับพันธมิตรอย่างแอปพลิเคชั่นจัดส่งอาหารไปยังที่พัก (Food Delivery Application) เพื่อเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้และกระตุ้นยอดขาย ได้อีกทางหนึ่ง