CKPower พลิกกำไรไตรมาสแรกสวนฤดูแล้ง รับแรงหนุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำ

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 ว่าบริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้า (EBITDA + Share of Profits) อยู่ที่ 991 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (Core Net Profit) 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากขาดทุน 242 ล้านบาทในปีก่อน

ซึ่งผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมีนัยมาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลักทั้งสองแห่งคือ น้ำงึม 2 และไซยะบุรี โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่สามารถจ่ายไฟได้เพิ่มขึ้น 7% จากปริมาณน้ำที่สูง ส่งผลให้รายได้เพิ่ม 4% ขณะเดียวกัน โรงไฟฟ้าไซยะบุรีมีปริมาณน้ำไหลผ่านเพิ่มขึ้นถึง 41% หนุนยอดขายไฟฟ้าเพิ่ม 34% ลดส่วนแบ่งขาดทุนเหลือเพียง 7 ล้านบาท จากเดิม 570 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำในอ่างน้ำงึม 2 ณ สิ้นไตรมาสอยู่ที่ 363 เมตรจากระดับน้ำทะเล สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยความพร้อมจ่ายไฟในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคมเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง มีความคืบหน้าการก่อสร้างตามแผนที่ 48% และโครงการโซลาร์เซลล์ BEM เฟสแรก 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 7 เมกะวัตต์ คืบหน้าแล้ว 86% และทยอยเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ครบภายในไตรมาส 2 นี้

ด้านสถานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราสภาพคล่องอยู่ที่ 1.72 เท่า หนี้สินรวมลดลง 3% จากสิ้นปี 2567 และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนรวมต่ำที่ 0.53 เท่า ทริสเรทติ้งปรับอันดับเครดิตหุ้นกู้เป็น “A-” สะท้อนเสถียรภาพทางการเงินของบริษัท รวมถึงที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังอนุมัติจ่ายปันผลจากผลประกอบการปี 2567 ที่อัตราหุ้นละ 0.085 บาท รวมไม่เกิน 691 ล้านบาท กำหนดจ่าย 23 พฤษภาคม 2568

สำหรับแนวทางการเติบโต CKPower ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน โดยใช้กลไกใบรับรอง RECs และการเงินสีเขียว (Green Finance) ซึ่งในปี 2567 กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดของบริษัทผลิตไฟฟ้าได้กว่า 8.8 ล้านเมกะวัตต์ชั่วโมง หรือคิดเป็น 16% ของพลังงานสะอาดในประเทศ และสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 4.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

อย่างไรก็ตาม CKPower ยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดของภูมิภาค และมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต