เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่บนเกาะสมุย และเกาะข้างเคียง ได้แก่ เกาะพะงัน ,เกาะเต่า มีแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการขยายตัวของกิจกรรม ทางเศรษฐกิจและธุรกิจท่องเที่ยวของเกาะต่าง ๆ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการก่อสร้าง โครงการพัฒนาระบบเคเบิ้ลใต้ทะเลไปยังบริเวณ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี วงเงินรวมทั้งสิ้น 11,230 ล้านบาท
โครงการนี้ดำเนินการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ในการส่งไฟฟ้าไปยัง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และพื้นที่เกาะข้างเคียง ได้แก่ เกาะเต่า ,เกาะพะงัน เพื่อตอบสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น และเสริมความมั่นคง ระบบไฟฟ้าในระยะยาว และลดการเกิดไฟฟ้าดับในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 - 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ซึ่งระบบเดิมรองรับได้ถึงปี 2574 เท่านั้น
งบประมาณที่ใช้ในโครงการนั้น กฟผ. จะใช้เงินรายได้ (Internal Cash Flow) เป็นลำดับแรก จำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 และจากแหล่งเงินทุนอื่นๆอีก ร้อยละ 75 ซึ่งหากมีความต้องการใช้เงินกู้ จะพิจารณากู้เงินในประเทศก่อน โดยโครงการ มีระยะเวลาดำเนินโครงการฯ 7-8 ปี มีกำหนดแล้วเสร็จประมาณเดือน มิถุนายน 2572
การดำเนินโครงการฯ ต้องจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination :IEE) มีการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ โดยมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ณ อัตราคิดลดเท่ากับร้อยละ 5.51 อยู่ที่ 10,130.7 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าขายส่งเพิ่มขึ้น 0.0025 บาทต่อหน่วย ตลอดอายุโครงการฯ
โดยกระทรวงการคลัง ไม่มีความจำเป็นต้องค้ำประกันเงินกู้ เนื่องจาก กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจ ที่มีศักยภาพและมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง มีสัดส่วนความสามารถในการทำรายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ (Debt Service Coverage Ratio: DSCR) อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
รายละเอียดวงเงินลงทุนในโครงการ วงเงินลงทุนรวม 11,230 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศ 4,969.5 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์ในประเทศ และการก่อสร้าง 6,260.5 ล้านบาท
ขอบเขตงานก่อสร้าง