ครม.ไฟเขียว 2.76 หมื่นล้าน ประกันรายได้ยางพารา เฟส 4 ควบสินเชื่อ

28 ก.พ. 2566 | 10:26 น.

ครม.จัดเต็มอุ้มชาวสวนยาง 2.76 หมื่นล้านประกันรายได้ชาวสวนยาง เฟส 4 กว่า 7.6 พันล้าน พร้อมอนุมัติสินเชื่อ 2 หมื่นล้าน หนุนกิจการไม้ยาง เฟส 2 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2566) อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 4 วงเงิน 7,643.86 ล้านบาท และอนุมัติโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์ ระยะที่ 2 วงเงินกู้ยืม 20,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ

ประกันรายได้แค่ 2 เดือน

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง เฟส 4 วงเงิน 7,643.86 ล้านบาท มีระยะเวลาโครงการตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2566 ระยะเวลาประกันรายได้รวม 2 เดือน คือ ตุลาคม – พฤศจิกายน 2565

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

ต้องเป็นเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 และเป็นเกษตรกรที่ปลูกยางในพื้นที่มีเอกสารสิทธิเท่านั้น ซึ่งมีประมาณ 1.6 ล้านคน รวมพื้นที่สวนยางกรีดได้ 18.18 ล้านไร่

หลักเกณฑ์และเงื่อนไข

1.เป็นสวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไปที่เปิดกรีดแล้ว รายละไม่เกิน 25 ไร่

2.ราคายางที่ประกันรายได้ มีดังนี้

  • ยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กิโลกรัม
  • น้ำยางสด (DRC 100%) 57 บาท/กิโลกรัม
  • ยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23 บาท/กิโลกรัม 

3.แบ่งสัดส่วนรายได้ เจ้าของสวน 60% และคนกรีด 40% ของเงินค่าประกันรายได้

จัดสินเชื่อ 2 หมื่นล้านกิจการไม้ยาง

โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์ ระยะที่ 2 วงเงินสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท มีระยะเวลา 2 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติอนุมัติ โดยโครงการมีรายละเอียด ดังนี้

  • สนับสนุนสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการแปรรูปไม้ยางและผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย 
  • มีผู้ถือหุ้นที่มีสัญชาติไทยมากกว่า 50%
  • เป็นทุนหมุนเวียนในการรับซื้อไม้ยาง การดำเนินงานกิจการไม้ยาง การขยายกำลังการผลิตและปรับเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิตแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางพาราและผลิตภัณฑ์ 

ทั้งนี้รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในอัตรา 3% ต่อปี และค่าดำเนินการ รวมวงเงิน 604 ล้านบาท มีเป้าหมาย คือ 

1.ลดพื้นที่ปลูกยาง จำนวน 200,000 ไร่ 

2.ราคาไม้ยางไม่ต่ำกว่า 1,500 บาทต่อตัน 

การดำเนินโครงการในระยะที่ผ่านมา สามารถสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบกิจการแปรรูปไม้ยางพาราที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องจากสถานการณ์โควิด – 19 ได้กว่า 38 บริษัท และสามารถดูดซับไม้ยางจากการโค่นต้นยางได้ 4.22 ล้านตัน จากเป้าหมายที่กำหนดไว้ 6 ล้านตัน