เปิดด่านสะเดาใหม่ บูมท่องเที่ยวค้าชายแดน‘ใต้’

นายด่านฯสะเดาเผยการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านฯสะเดาแห่งใหม่เสร็จพ.ค. 2566 เร่งติดตั้งเครื่องฟาสท์สแกน รองรับรถสินค้าขาออกใช้บริการด่านฯสะเดาแห่งใหม่ ลดปัญหาการจราจรด่านพรมแดน อำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ด่านศุลกากรสะเดาจัดเวทีเสวนารับฟังความคิดเห็น ความคาดหวังของภาคเอกชนและชุมชน ในวาระ”ด่านศุลกากรสะเดา 100 ปี และกำลังนับถอยหลังการเปิดใช้งานด่านสะเดาแห่งใหม่

ตัวแทนท้องถิ่นสะท้อนตรงกันว่า เมื่อเปิดให้บริการด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่แล้ว อยากให้คงด่านพรมแดนเดิมที่บ้านด่านนอกไว้ต่อไป โดยให้รถขนถ่ายสินค้าเข้าออกไปผ่านทาง ด่านฯสะเดาแห่งใหม่ ส่วนรถผู้โดยสารรถนักท่องเที่ยวให้ผ่านทางด่านพรมแดนเดิมต่อไป นายสาธิต ลิ่ววัฒนะโชตินันต์ นายกเทศมนตรีตำบลสำนักขาม กล่าวว่า เนื่องจากในพื้นที่ได้มีการลงทุนบริเวณด่านพรมแดนเป็นจำนวนมาก มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งทางทต.สำนักขามพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้น่าสนใจ

เช่นกันนายพลวัฒน์ วิไลชื่นผล กำนันตำบลสำนักขาม กล่าวว่า รับตำแหน่งมา 5 ปีแล้ว รู้บริบทของพื้นที่เมืองด่านนอกดี ซึ่งมี 2 ภาคส่วนใหญ่ๆ คือ ด้านการขนส่งนำเข้าส่งออกสินค้า และด้านการท่องเที่ยว ของผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และสถานบันเทิงต่างๆ ต้องให้ทั้ง 2 อย่างเดิน คู่กันไปให้ได้ ก็จะเกิดประโยชน์ทั้ง 2 ฝั่งโดยไม่กระทบกระทั่งกัน เพราะชาวบ้านในพื้นที่ต้องการให้คงด่านพรมแดนเก่าไว้

ด้านดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา กล่าวว่า ข้อเสนอของพื้นที่จะทำให้ด่านฯกับชุมชนอยู่ด้วยกันได้ ทั้งนี้ ด่านฯสะเดาแห่งใหม่ ไม่ใช่ความหวังของคนในพื้นที่เท่านั้น แต่เป็นความหวังของประเทศ เพราะด่านฯสะเดาแห่งใหม่ เป็นด่านชายแดนที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด เกิดมูลค่าการค้าชายแดนสูงสุดของประเทศ นักท่องเที่ยวทางบกก็เป็นอันดับหนึ่ง

“เราเป็นด่านที่เป็นสถิติสูงสุดหมดเลย เป็นประตูประเทศเพื่อต้อนรับต่างชาติ ความยิ่งใหญ่ของด่านฯมีอยู่แล้ว และอยากเห็นเพิ่มอีกคือการยกระดับบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกหลายๆ ให้นักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าออกให้สะดวกไม่ต่างจากการเดินทางระหว่างประเทศในสหภาพยุโรป ที่สะดวกมากระหว่างประเทศที่เชื่อมต่อกัน และเกิดประโยชน์กับชุมชนตั้งแต่พื้นที่บ้านด่านนอก ไปจนถึงตัวเมืองท่องเที่ยวของสงขลา”

นายสมพล ชีววัฒนาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา กล่าวเสริมว่า ควรใช้ระบบดิจิทัลมาให้บริการ เพิ่มความสะดวกทั้งนักท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้า เช่น อาจมีระบบลงทะเบียนล่วงหน้าทางออนไลน์ เพื่อลดขั้นตอนหน้าด่านให้ทันสมัยลื่นไหลสะดวกยิ่งขึ้น หลังโควิดคลี่คลายนักท่องเที่ยวมาเลเซียกลับเข้ามามาก แต่ถ้าเทียบกับก่อนโควิด ที่มีถึงปีละ 2 ล้านคน ก็ยังไม่เท่าเดิม จึงไม่ถือว่าสูงมากเกินไป เพียงแต่ว่าในอนาคตเราจะบูรณาการกันอย่างไรเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้นได้

ด้านนายรุจิระ ธรรมศิริพงษ์ เลขาธิการสมาคมโลจิสติกส์และขนส่งภาคใต้ กล่าวว่า ทั้งการค้าชายแดนและการท่องเที่ยว เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจสงขลา ด้านการขนส่งมีปัญหาคือรถติด ซึ่งแก้คนเดียวไม่ได้ ต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน ไปจนถึงฝั่งประเทศเพื่อนบ้านคือ มาเลเซียด้วย การมีด่านฯสะเดาแห่งใหม่เป็นโอกาสที่ดี มีสถานที่ที่อำนวยให้เราพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาไปทีละขั้น เพื่อให้การขนส่ง สินค้าผ่านแดนสะดวกที่สุด”

แนวทางบริหารจัดการด่านสะเดานั้น นายเผดิมเดช มั่งคั่ง นายด่านศุลกากรสะเดา กล่าวว่า เวลานี้ยังใช้งานที่ด่านเดิมอยู่ ซึ่งมีปัญหาการแย่งใช้ถนนระหว่างรถนักท่องเที่ยวกับรถบรรทุกสินค้า จึงได้หารือเทศบาลตำบลสำนักขาม และทางอำเภอสะเดา ทำระบบคิวเพื่อจัดระบบการขนส่งสินค้าผ่านแดนให้สะดวกขึ้น ให้รถบรรทุกรู้ว่าจะต้องนำรถเข้าตรวจช่วงไหน โดยให้ไปรอที่ลานจอดรถของบริษัท หรือจุดขนถ่ายสินค้า ควบคู่กันอยู่ระหว่างหารือ อบจ.สงขลา ขอใช้พื้นที่ 100 ไร่ทำเป็นลานจอดรถ เป็นแก้มลิงสำหรับรถสินค้าที่ปล่อยออกมา ก็เข้ามาอยู่ในแก้มลิงรอคิวออกไป

ส่วนด่านสะเดาแห่งใหม่สร้างเสร็จมาแล้ว 2 ปี และพร้อมเปิดให้บริการ แต่ติดปัญหาไม่มีถนน ซึ่งอยู่ในช่วงการสร้างถนนจากพรุเตียวมาเชื่อมกับด่านฯ เดิมตามโครงการจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย. 2565 แต่การก่อสร้างล่าช้าไม่เป็นไปตามแผน เพราะเจอปัญหาฝนตกต่อเนื่อง ทราบว่าจะแล้วเสร็จเดือนพ.ค. 2566

เมื่อเสร็จแล้วทางด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่พร้อมจะเปิดดำเนินการ แต่เป็นในลักษณะทะยอยเป็นบางส่วน และสิ่งแรกที่จะทำคือ ตัดรถสินค้าขาออกทั้งหมด เข้ามาปฏิบัติพิธีการที่ด่านฯสะเดาแห่งใหม่ โดยใช้อาคารตรวจสินค้า ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งระบบ Fast Scan สามารถเอกซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์โดยการขับรถผ่านช่วยลดเวลาตรวจปล่อยสินค้าลงมาก โดยกำลังทำอุโมงค์ 2 ตัวรองรับรถสินค้าโดยเฉพาะ เมื่อตรวจปล่อยเสร็จแล้วให้วิ่งถนนเลียบพรมแดนไปออกทางด่านพรมแดนเดิมไปก่อน

“เนื่องจากตอนนี้การจราจร เปิดจุดผ่านแดนใหม่ ระหว่างไทย-มาเลเซียยังไม่เรียบร้อย จึงจะใช้กับรถสินค้าขาออกอย่างเดียวไปก่อน ส่วนรถสินค้าขาเข้า ยังตรวจปล่อยที่ด่านพรมแดนเดิมไปพลาง ซึ่งสามารถช่วยแบ่งรถสินค้าอกจากถนนกาญจนวนิชย์ ออกมาได้ส่วนหนึ่ง ทำให้ปริมาณการใช้ถนนลดลง ทางการท่องเที่ยวก็จะได้รับความสะดวกมากขึ้น” 

สมชาย สามารถ/รายงาน
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,851 วันที่ 8-11 มกราคม พ.ศ.2566