"เครือสหพัฒน์"-“ไทยลีฟ” ปลุกมู้ดการแข่งขันตลาดกัญชงเดือด

31 ส.ค. 2565 | 13:28 น.

ไทยลีฟ ไบโอเทคโนโลยี ผนึก 2 บริษัทลูกในเครือ “สหพัฒน์” กระตุ้นการแข่งขันตลาดกัญชง เดินแผนผลิต จำหน่ายอาหารเสริม และเวชสำอางสารสกัด CBD จากกัญชง นำร่องนำร่องจำหน่ายในช่วงต้นปี 2566

บริษัท ไทยลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการผลิตและสกัดสาร CBD จากกัญชงของประเทศไทย เดินหน้าแผนผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัด CBD จากกัญชง ในกลุ่มอาหารเสริม และกลุ่มเวชสำอาง ผ่านความร่วมมือกับ 2 ผู้นำธุรกิจชั้นนำในเครือ “สหพัฒน์” ได้แก่ บริษัท โอสถ อินเตอร์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด หรือ OSI ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชภัณฑ์ทางยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

"เครือสหพัฒน์"-“ไทยลีฟ”  ปลุกมู้ดการแข่งขันตลาดกัญชงเดือด

และบริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ ไพรส์ จากัด (มหาชน) หรือ S&J ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อความงามด้วยนวัตกรรมและความปลอดภัย เพื่อยกระดับศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่งในด้านการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหรือส่วนประกอบของกัญชงและน้ำมันกัญชงเกรดพรีเมียม โดยเตรียมนำร่องจำหน่ายในช่วงต้นปี 2566

 

นักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการผลิต และสกัดสาร CBD จากกัญชง กล่าวว่า ด้วยสรรพคุณของสารสกัด CBD จากกัญชงที่ให้คุณประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะในวงการอาหารเสริม (Supplement) และเวชสำอาง (Cosmetic) รวมถึงจุดแข็งในการนำไปพัฒนาเป็นสูตรต่างๆ เพื่อใช้งานตามลักษณะที่ต้องการในกลุ่มผู้บริโภคและการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงมหภาค ทำให้หลายธุรกิจเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดกัญชงจากสรรพคุณสาร CBD

 

ไทยลีฟจึงมีแผนผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ จากสารสกัด CBD จากกัญชงร่วมกับ 2 พันธมิตรธุรกิจชั้นนำของไทย ในเครือสหพัฒน์อย่าง บริษัท โอสถ อินเตอร์ แลบบอราทรีส์ จำกัด (OSI) ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลากหลายรูปแบบ และบริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จํากัด (มหาชน) (S&J) ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อความงามด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย และวิสัยทัศน์ในการเดินหน้าธุรกิจด้วยความปลอดภัย ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี 

 

โดยความร่วมมือกับ 2 ผู้นำธุรกิจที่มากประสบการณ์ด้าน “อาหารเสริม-เวชสำอาง” เชื่อมั่นว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจถึงความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์จากสารสกัด CBD เพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนของแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริม (Supplement) ไทยลีฟจะอาศัยความเชี่ยวชาญของบุคลากร บริษัท โอสถ อินเตอร์              แลบบอราทรีส์ จำกัด (OSI) ที่โดดเด่นด้านงานวิจัย คิดค้นสูตรยาต่างๆ มานานกว่า 30 ปี รวมถึงศึกษากัญชงมาเป็นเวลานานและเห็นประโยชน์ของสารสกัด CBD จากกัญชง ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คนทั่วไปสามารถใช้ได้

 

โดยกลุ่มแรกจะเป็นอาหารเสริมที่มีคุณสมบัติช่วยให้คลายเครียดและหลับสบาย ส่วนกลุ่มถัดไปที่เตรียมพัฒนาและจำหน่ายจะพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น พฤติกรรมผู้บริโภค ความต้องการการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค รวมถึงเทรนด์สุขภาพ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ขณะที่แผนพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มเวชสำอาง (Cosmetic) ได้ผู้เชี่ยวชาญ บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ ไพรส์ จํากัด (มหาชน) (S&J) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์เพื่อความงามทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่จะเข้ามาขยายตลาดกัญชงไปยังธุรกิจเครื่องสำอางทั่วโลก โดยเล็งเห็นว่าสรรพคุณของสารสกัด CBD จากกัญชง หากมาใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางชุดสกินแคร์จะเหมาะกับผู้ที่แพ้ง่ายได้

 

ซึ่งปัจจุบันต่างประเทศก็มีการจำหน่ายเซ็ตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ที่มีสารสกัด CBD ผสมอยู่ โดยต้นปี 2566 คาดว่ากลุ่มผู้บริโภคชาวไทยจะได้ใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากสารสกัด CBD จากกัญชง อีกทั้งไทยลีฟก็เตรียมแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งออกจำหน่ายไปที่ต่างประเทศรองรับไว้เช่นกัน 

 

“การรวมพลังระหว่าง ไทยลีฟ OSI และ S&J ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ พร้อมสร้างมาตรฐานของสารสกัด CBD จากกัญชงให้เกิดความน่าเชื่อถือในมิติของความปลอดภัย สำหรับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่ม Health Care & Wellness ที่ต้องยอมรับว่ายังมีผู้บริโภคจำนวนมากที่มีข้อสงสัยในเรื่องความปลอดภัย และการนำมาใช้อย่างถูกต้อง

 

ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงการนำงานวิจัยจากสารสกัด CBD เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ในธุรกิจอื่นๆ ด้านอาหารเสริมและเวชสำอางที่ต้องการสารสกัดที่เกรด พรีเมียม – การแพทย์จากห้องปฏิบัติการได้อย่างถูกต้องตามข้อกฎหมาย และเกิดความตื่นตัวในการแข่งขันพัฒนาสารสกัด CBD เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป”

 

นอกจากนี้ ไทยลีฟ ยังตั้งเป้าให้ผู้บริโภคทั้งชาวไทย-ต่างชาติ สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริม- เวชสำอางที่มีส่วนผสมสารสกัด CBD จากกัญชงที่มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งช่องทางการจัดจำหน่ายจะครอบคลุมทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ พร้อมข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของตลาดและผู้บริโภค