เปิดแนวรบ ซีอีโอใหม่ นำทัพ “แม็คโคร” ขึ้นเบอร์ 1 ค้าส่งค้าปลีกเอเชีย

29 เม.ย. 2565 | 04:20 น.

เปิดยุทธศาสตร์ “แม็คโคร” ภายใต้การนำขุนพลใหม่ “ธานินทร์ บูรณมานิต” เสริมทัพมืออาชีพ ปักธงผู้นำค้าส่งค้าปลีกของเอเชีย

หลังการประกาศลาออกของ “สุชาดา อิทธิจารุกุล” ซีอีโอหญิงคนแรกของ “แม็คโคร” ผู้บุกเบิกศูนย์ค้าส่งจนก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของเมืองไทย  สร้างยอดขายถึง 2.6 แสนล้าน โดยจะมีผลในวันที่ 1 พ.ค. นี้  และทันทีที่ แจ้งการลาออกของ “สุชาดา” กลุ่มซีพี ก็ประกาศยุทธศาสตร์เดินหน้า “สยามแม็คโคร” ภายใต้การนำของขุนพลใหม่ “ธานินทร์ บูรณมานิต”  อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริษัท บมจ. ซีพีออลล์  ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น  

 

โดย “ธานินทร์ บูรณมานิต” เข้ามาดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจแม็คโคร แต่งตั้งวันที่ 1 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา โดยมีขุนพลมือดีอยู่รอบตัวไม่ว่าจะเป็น “ริคาร์โด้ เบารอตโต้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโครประเทศไทย คนปัจจุบัน “ศิริพร เดชสิงห์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร ลูกหม้อของแม็คโคร อดีตมือขวาของ “สุชาดา”

ธานินทร์ บูรณมานิต

การประกาศยุทธศาสตร์ของ “สยามแม็คโคร” จึงถูกจับตามองอีกครั้งว่าจะเปลี่ยนแปลงจากอดีตอย่างไร เพราะช่วงรอยต่อหลังกลุ่มซีพี เข้ามาซื้อกิจการตั้งแต่ปี 2556 อาณาจักรของ “แม็คโคร” ก็เติบโต กับการขยายรุกแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ใช่แค่ห้างค้าส่งอีกต่อไป และการเข้ามาของ “ธานินทร์” ในครั้งนี้จึงไม่ใช่การเดินหน้าของแม็คโครเพียงอย่างเดียวแต่มี “โลตัส” รวมอยู่ด้วย  

 

เพราะคำว่ากลุ่มธุรกิจแม็คโคร ในวันนี้ ไม่ใช่ แม็คโคร ประเทศไทยเหมือนในอดีต แต่หมายรวมถึง แม็คโคร+โลตัส

 

“ธานินทร์ บูรณมานิต”  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจแม็คโคร บอกว่า กลุ่มธุรกิจแม็คโคร ซึ่งดำเนินธุรกิจ แม็คโครและโลตัส ปักธงเป็นผู้นำค้าส่งค้าปลีกของเอเชีย เสริมทัพทีมงานมืออาชีพรุ่นใหม่ พร้อมกลยุทธ์ขยายธุรกิจ  ออฟไลน์และออนไลน์ (O2O) อีคอมเมิร์ช

แม็คโคร

เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้า ที่ปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล เช่น การเปิดตัวแอปพลิเคชั่น maknet  B2B Marketplace หรือตลาดค้าส่งออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการแบบ End to End Solutions ที่เปิดบริการไปเมื่อ 31 มีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเร่งเปิดสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมชูแพลตฟอร์มแห่งโอกาส หนุนเอสเอ็มอีไทยก้าวไปสู่ตลาดภูมิภาค

แม็คโคร

กว่า 32 ปีของแม็คโครในประเทศไทย ถูกขับเคลื่อนโดยทีมบริหารมืออาชีพ ที่มีความเข้าใจลูกค้าผู้ประกอบการอย่างลึกซึ้ง  ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญอันทำให้แม็คโครเจริญเติบโตมาจนปัจจุบันนี้  และด้วยความต้องการของลูกค้าและตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

แม็คโคร

“วันนี้แม็คโครมีการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร และเปิดรับทีมงานคนรุ่นใหม่ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านดิจิทัลเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทำงานร่วมกับทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจค้าส่งค้าปลีก เพื่อให้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง  บรรลุเป้าหมายในการขับเคลื่อนองค์กร ภายใต้สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจในรูปแบบใหม่”

 

เป้าหมายของแม็คโคร ยังมุ่งขยายธุรกิจเต็มสปีดใน 10 ประเทศ และมุ่งสนับสนุนสินค้าจากผู้ประกอบการ  เอสเอ็มอีออกสู่ตลาดต่างประเทศ ผ่านโครงการแพลตฟอร์มแห่งโอกาส เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตและขยายสู่ตลาดในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสินค้าจากผู้ผลิตเอสเอ็มอีมากกว่า 100 รายการถูกนำไปวางจำหน่ายผ่านสาขาของแม็คโครใน กัมพูชา เมียนมาร์ และมีอีกหลายรายการที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ

 

อีกยุทธศาสตร์คือ การทำธุรกิจที่ตอบโจทย์สังคมและสิ่งแวดล้อม เคียงข้างสังคมอย่างต่อเนื่องมาตลอด 32  ปีจนถึงปัจจุบัน ด้วยหลัก ESG ที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ซึ่งแม็คโครเชื่อว่าจะนำพาธุรกิจสู่การเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าทุกกลุ่ม

แม็คโคร

ด้วยการบริหารจัดการบนพื้นฐานของความยั่งยืน ที่แม็คโครให้ความสำคัญสูงสุดทั้ง 3 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อม (E) สังคม (S) และการมีธรรมาภิบาลหรือความโปร่งใส (G) โดยได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมผ่านโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น

 

• โครงการ Say Hi to Bio, Say No to Foam เป็นโครงการที่ช่วยลดขยะที่เกิดจากโฟมบรรจุอาหาร ซึ่งเป็นปัญหาระดับประเทศ โดยได้ร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน ที่ทางแม็คโครได้ประกาศหยุดจำหน่ายโฟมบรรจุอาหารแล้วทุกสาขา ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา      ได้ช่วยลดขยะโฟมลงสู่สิ่งแวดล้อมกว่า 107 ล้านชิ้น หรือเทียบเท่ากับการที่เราช่วยรักษาต้นไม้ไว้ได้ถึง 233,791 ต้น

 

• โครงการ Zero Food waste to Landfill  ซึ่งเป็นโครงการที่ขานรับนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการจัดการอาหารส่วนเกินอย่างยั่งยืน โดยได้ตั้งเป้าในการลดปริมาณขยะฝังกลบให้เป็นศูนย์ในปี พ.ศ.2573

 

ทั้งนี้ แม็คโครยังได้ดำเนิน “โครงการมิตรแท้โชห่วย” เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อย สู่การเป็น สมาร์ทโชห่วย อย่างต่อเนื่องมากว่า 12 ปี รวมทั้งได้เปิด “แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี (MHA)”  ขึ้นเพื่ออบรมให้ผู้ที่ทำธุรกิจร้านอาหาร และจัดเลี้ยงรายย่อยได้เข้ามาพัฒนาต่อยอดฝึกอาชีพ เสริมทักษะ โดยเฉพาะในช่วงนี้  ที่ผู้ประกอบการต้องการพัฒนาทักษะเพื่อต่อยอดธุรกิจ รองรับการฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิด-19