ฟิกเซอร์ ซิสเท็ม เดินเกมรุก “กัญชา” จากปลายน้ำสู่ต้นน้ำ

15 เม.ย. 2565 | 01:49 น.

“ฟิกเซอร์ ซิสเท็ม” เปิดเกมลุยธุรกิจกัญชาจากปลายน้ำสู่ต้นน้ำ เล็งออกอาหารเสริมนำร่องเปิดตลาดใน 2 เดือน ชี้อุตสาหกรรมกัญชายังไม่เกิด 100% สาเหตุเพราะกฎหมายขออนุญาตล่าช้า คาดปิดรายได้ สิ้นปีแตะ 300 ล้านบาท

นายทวีทรัพย์ จิตต์โสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิกเซอร์ ซิสเท็ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมกัญชาปีนี้น่าจะเติบโตได้ประมาณ 70-80% เนื่องจากการนำกัญชง กัญชาไปผลิตผลิตภัณฑ์ยังมีปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องของการขอใบอนุญาตที่ค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลานานทั้งในส่วนของการปลูก และการสกัด

ฟิกเซอร์ ซิสเท็ม เดินเกมรุก “กัญชา” จากปลายน้ำสู่ต้นน้ำ

ขณะที่จำนวนผู้สกัดเองยังมีน้อยทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดยังมีปริมารณน้อย โดยผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชา กัญชง ที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดเป็นอุตสาหกรรมแรกๆ คือ อาหารและอาหารเสริม

ในส่วนฟิกเซอร์ ซิสเท็ม เองปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในส่วนของอาหารเสริมคาดว่าต้องใช้เวลาราว 6 เดือน ซึ่งเดิมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในคลินิกกัญชาของบริษัทในนาม “กัญญาเวช” แต่บริษัทนำมาปรับสูตรเพื่อใช้กับอาหารเสริมก่อน

 

และคาดว่าภายใน 1 เดือนนี้จะมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยทำให้นอนหลับและเสริมสมรรถภาพตัวแรกออกสู่ตลาด เพราะการขออนุญาตตัวยาจะต้องไปขอใบอนุญาต EC ซึ่งเป็นการขออนุญาตการวิจัยและทดลองในมนุษย์ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2- 7 ปี และในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนในเรื่องของการสกัดสารสำคัญจากกัญชา กัญชง และหลังจากนั้นอาจขยายการลงทุนเพิ่มในส่วนของการปลูกเป็นลำดับสุดท้าย

“ในการทำธุรกิจกัญชา กัญชง เราเริ่มจากอุตสาหกรรมปลายน้ำก่อน คือตัวผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพราะในมุมมองของเรา ถ้าเริ่มจากธุรกิจต้นน้ำจะมีปัญหาในเรื่องของการขออนุญาตในการปลูก ที่ต้องขอใบอนุญาตขึ้นทะเบียนกับอย. แจ้งปริมาณการปลูก ปริมาณการใช้ ว่าจะใช้เท่าไร

 

ซึ่งต้องใช้ในทางการแพทย์เท่านั้นถ้าเป็นกัญชาเมื่อไม่มีปลายน้ำรองรับการปลูกก็ไปต่อไม่ได้ แต่ถ้าเราเริ่มจากธุรกิจปลายน้ำก่อนเราสามารถกำหนดราคาซื้อได้ คำนวณราคาต้นทุนการผลิต และเม็ดเงินที่สามารถนำเข้ามาทำเป็น Fund Flow ได้เลย
เพราะตัว CBD ที่ได้จากกัญชงและกัญชาตอนนี้เป็นราคาที่ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงกัน เนื่องจากยังไม่มีราคากลางเพราะไม่มีผู้ซื้อจริงเนื่องจากยังมีปัญหาในเรื่องของการส่งออก ที่แม้จะทำได้เลยแต่จะต้องมีการขออนุญาตก่อน

 

และจะต้องมีผู้ซื้อที่ไม่ใช่โบรกเกอร์คอยดีแคร์ปลายทางให้ชัดเจนก่อน และยังจำกัดการส่งออกได้เฉพาะประเทศที่รองรับการใช้กัญชาถูกกฎหมายด้วย ในส่วนของเรากำลังจะมีการเซ็น MOU กับทางเกาหลีใต้และเนเธอร์แลนด์ ในการผลิตและส่งออกเป็นผลิตภัณฑ์”

 


ในส่วนของธุรกิจคลินิกกัญชา ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 1 สาขาและอยู่ในแผนอีก 3 สาขาที่อยู่ระหว่างการยื่นขอตรวจและการตกแต่ง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเป็นคนไทย 100% เพราะตลาดต่างประเทศยังไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา นอกจากนี้ธุรกิจคลินิกกัญชายังทำให้บริษัทสามารถซื้อกิ่ง ก้าน ราก ใบของกัญชาเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ และต่อยอดงานวิจัยอื่นๆ ได้ โดยรวมแล้วปีนี้บริษัทน่าจะเปิดตัวธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัญชา 5-6 ธุรกิจ

 


“สำหรับธุรกิจต้นน้ำเราอยู่ในระหว่างการขออนุญาตเพราะเรามีสิทธิ์ในการปลูกกัญชา เพราะเรามีธุรกิจปลายน้ำชัดเจน ซึ่งอาจต้องรอสถานการณ์ราคากัญชาก่อน ถ้าราคาแพงก็คงต้องลงทุนปลูกเอง แต่ถ้าราคากัญชายังคงอยู่ในเรทที่เราซื้อได้ก็จะชะลอ
การปลูกออกไป ตอนนี้ราคา CBD อยู่ที่ 5-6 แสนบาทต่อกก. นอกจากนี้ธุรกิจกัญชายังมีความเสี่ยงถ้า investor รายใหญ่เข้ามาลงทุนเราจึงต้องรีบผลิตผลิตภัณฑ์ขึ้นมาให้ติดตลาดก่อนมากกว่าซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ 300 ล้านบาท”


หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,774 วันที่ 14 - 16 เมษายน พ.ศ. 2565