ไทยติดโผประเทศส่วนน้อยแบนบุหรี่ไฟฟ้า

12 เม.ย. 2565 | 14:49 น.

ไทยติดโผ ประเทศส่วนน้อยแบนบุหรี่ไฟฟ้า ติด 1 ใน 30 ขณะที่อีก 97 ประเทศ เลือกที่จะควบคุมในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทั้งห้ามการเติมส่วนประกอบที่จูงใจเด็ก หรือควบคุมแบบสินค้าบริโภคทั่วไป

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ลาขาดควันยาสูบ และแอดมินเพจ บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร เปิดเผยถึงผลการศึกษาในหัวข้อ การเปรียบเทียบระเบียบข้อบังคับและแรงจูงใจของบุหรี่ไฟฟ้าใน 97 ประเทศ ว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้ากำลังได้รับการยอมรับมากขึ้น

 

หลายประเทศจึงมีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อหาวิธีการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้สมดุลในแบบที่ห้ามการเข้าถึงของเด็กและคนไม่สูบบุหรี่ แต่ก็ไม่ปิดกั้นโอกาสของคนสูบบุหรี่ที่อยากเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทน 

 

ซึ่งใน 97 ประเทศ เช่น แคนาดา อิตาลี เยอรมนี ญี่ปุ่น อังกฤษ เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ หรือสหรัฐอเมริกา เลือกที่จะควบคุมในรูปแบบต่างๆ เช่น ห้ามการเติมส่วนประกอบที่จูงใจเด็ก หรือควบคุมแบบสินค้าบริโภคทั่วไป

 

แต่ประเทศไทยกลับเลือกที่จะแบนบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีเพียง 30 ประเทศ เช่น อินเดีย บรูไน สปป.ลาว เกาหลีเหนือ และศรีลังกา ที่เลือกใช้วิธีการแบนเช่นเดียวกัน

สำหรับการศึกษานี้ ได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Social Science & Medicine เมื่อกลางปี 2564 ซึ่งทำการศึกษาเพื่อเปรียบเทียบนโยบายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศต่างๆ รวมถึงข้อดี-ข้อเสียของนโยบายแต่ละประเภท

 

ซึ่งการแบนหรือการปิดกั้นการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าแบบเบ็ดเสร็จนั้น ก็ทำให้เกิดประเด็นทางจริยธรรมเพราะเป็นการละเมิดสิทธิของผู้สูบบุหรี่ 

 

ไทยติดโผ ประเทศส่วนน้อยแบนบุหรี่ไฟฟ้า

 

และทำให้เกิดปัญหาการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจากแหล่งผิดกฎหมายซึ่งอาจเป็นอันตรายกว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่ผลิตแบบมีคุณภาพ และยังสวนทางกับแนวโน้มด้านนโยบายของหลายๆ ประเทศที่เริ่มปลดล็อคสิ่งเสพติดบางชนิด เช่น กัญชา ให้ถูกกฎหมาย
 

 

ทั้งนี้ หลายประเทศมีการแก้ไขมาตรการควบคุมยาสูบ เพื่อให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายและควบคุมได้ เช่น นิวซีแลนด์ที่เคยแบนบุหรี่ไฟฟ้า หรือ ฟิลิปปินส์ที่รัฐสภาได้ออกกฎหมายใหม่เพื่อควบคุม

 

ขณะที่สหรัฐอเมริกา ก็กำหนดให้ผู้ผลิตและผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้าต้องนำผลิตภัณฑ์มาขึ้นทะเบียนก่อนขาย และล่าสุด อย.สหรัฐก็เพิ่งอนุญาตให้บุหรี่ไฟฟ้าหลายยี่ห้อขายในประเทศได้

นายมาริษ กล่าวอีกว่า เมื่อเดือนที่แล้ว คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ (คผยช.) ออกมาย้ำมาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้า อ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นต้นทางการสูบบุหรี่ ซึ่งข้อมูลนี้ไม่สอดคล้องกับงานวิจัยในต่างประเทศเลย และที่น่าสนใจคือจากตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศพุ่งสูงขึ้นถึง 4,500% จาก 1,714 คนในปี 2560 เป็น 78,742 คนในปี 2564 

 

สะท้อนให้เห็นว่านโยบายการแบนบุหรี่ไฟฟ้าของไทยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะไม่ตอบโจทย์คนสูบบุหรี่ที่ต่างก็ต้องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าทดแทนการสูบบุหรี่แบบเผาไหม้ซึ่งเป็นอันตรายมากกว่า
 

“ได้ยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน (สผผ.) และกระทรวงดิจิทัลฯ ช่วยตรวจสอบการแบนบุหรี่อย่างไม่เป็นธรรมไว้แล้ว และจะถือโอกาสนี้ติดตามความคืบหน้ากับ สผผ. และกระทรวงดิจิทัล ต่อไปเพื่อปลดล็อกบุหรี่ไฟฟ้า จะได้แก้ไขปัญหาธุรกิจใต้ดินที่ทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ภาษีสรรพสามิตและภาษีอื่นๆ อย่างมหาศาล และไม่สามารถตรวจสอบอายุเพื่อป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชนได้จริง อีกทั้งยังสวนทางกับประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกอีกด้วย”