ปลุกสวนลุมไนท์บาซาร์รัชดาฯฐานที่มั่นใหม่‘ไพโรจน์ ทุ่งทอง’
การกลับมาอีกครั้งสำหรับ "สวนลุมไนท์ บาซาร์ รัชดาภิเษก" ที่น่าจะแกรนด์โอเพ่นิ่งหรือเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ในเร็วๆนี้ จะมีความแตกต่างจาก สวนลุม ไนท์บาซาร์ในอดีต ที่เคยอยู่ที่สวนลุมพินีเดิม อย่างไร และความคาดหวังในการพัฒนาโครงการนี้จะมีทิศทางอย่างไร อ่านได้จากสัมภาษณ์นายไพโรจน์ ทุ่งทอง ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัทแบงค์ค็อกไนท์บาซาร์ จำกัด
เบ็ดเสร็จลงทุน 3.9 พันล้าน
คุณไพโรจน์ เปิดใจว่า ปัจจุบันโครงการ"สวนลุมไนท์ บาซาร์ รัชดาภิเษก" ที่ตั้งอยู่ในถนนรัชดาภิเษกตัดลาดพร้าว ซึ่งเตรียมเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ เบ็ดเสร็จโครงการนี้เดิมวางไว้ที่ราว 3.6พันล้านบาท แต่จากการเพิ่มโซนต่างๆ เพื่อให้สวนลุมไนท์ บาซาร์ รัชดาฯมีความหลากหลายมากกว่าการเป็นสถานที่ช็อปปิ้ง เหมือนสวนลุมไนท์ บาซาร์ เดิม จึงได้ขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ ท่องเที่ยว พักผ่อน แบบครบวงจร เบ็ดเสร็จมูลค่าโครงการน่าจะอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท โดยเป็นเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ ราว 1พันล้านบาท ที่เหลือเป็นเงินของกรรมการบริษัทที่นำมาใช้ในการลงทุน ซึ่งเป็นเช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)ที่เราได้ไปซื้อสิทธิการเช่ามาจากคนอื่นมา จากอายุสัญญาเดิม 30 ปี ขณะนี้เหลืออยู่ 17-18 ปี คาดว่าโครงการจะคืนทุนภายใน 10 ปี
ทั้งนี้ภายในโครงการนี้นอกจากจะมีร้านค้ากว่า 1,700 ราย นำสินค้าเข้ามาขายแก่นักท่องเที่ยว ยังมี ร้านอาหาร และซุปเปอร์ มาร์เก็ต ที่เราบริหารเองหรือ "ฟู้ด บาซาร์" เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงแล้ว ยังมีโรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาด 800 ห้อง ภายใต้ชื่อ "โรงแรมเดอะบาซาร์" โรงละครขนาด 500 ที่นั่ง ศูนย์แสดงสินค้า(อีเว้นท์ ฮอลล์) Event Hall Open House ขนาด 5,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังจะมีสวนสนุกและสวนน้ำภายในพื้นที่นี้ด้วย
โดยในส่วนของร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ที่ผ่านมาได้ทยอยเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการเพื่อทดสอบระบบ มา ช่วงวันที่ 23 ธันวาคม 2558 และเมื่อต้นเดือนเมษายน 2559 เพิ่งเปิดตัวศูนย์แสดงสินค้าแห่งใหม่ ใจกลางกรุง ส่วนโซนอื่นๆอย่าง โรงแรม โรงละคร สวนสนุก สวนน้ำ คาดว่าจะทยอยเปิดตัวภายในงานแกรนด์ โอเพนนิ่งโครงการสวนลุมไนท์ บาซาร์ รัชดาฯ ภายในเร็วๆนี้
โฟกัสจุดขายครบวงจรเปิดทั้งวัน
"เราพร้อมพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางของ ธุรกิจ ท่องเที่ยว พักผ่อน แบบครบวงจรใจกลางเมือง คนมาแถวรัชดาฯรถติดก็แวะช็อป กิน เที่ยว ที่นี่ได้เลย มาเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งกลางวัน เราก็ทำให้คนมาพัก มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว ส่วนกลางคืน ก็เหมาะกับการช้อปปิ้ง ทำให้ที่นี่สามารถขายได้ทั้งวัน ไม่ใช่เฉพาะตอนกลางคืน ทำให้เราจึงสร้างจุดดึงดูดที่หลากหลายภายในโครงการนี้ อย่างการสร้างอาคารแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ใจกลางเมือง ด้วยพื้นที่ถึง 5,000 ตารางเมตร ก็มองไว้ว่าจากทำเล ของโครงการที่สามารถเดินทางได้สะดวกโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน ออกสถานีสุทธิสารและ สถานีลาดพร้าว ทำให้สามารถรองรับการจัดงานเปิดตัวสินค้า การจัดงานอีเว้นท์ต่างๆได้ ขณะเดียวกันเราก็มีโรงแรมในโครงการรองรับหากจะเป็นการประชุมที่ต้องค้างคืน ซึ่งจะเป็นอีกกลุ่มลูกค้าหนึ่งของโรงแรม นอกจากที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจีน"
คุณไพโรจน์ ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนของโรงละครที่นี่ แม้จะเป็นคาบาเร่ โชว์ แต่ไม่เหมือนคาบาเร่ โชว์ที่อื่น เพราะการแสดงจะเป็นแบบเมจิค คาบาเร่ ที่เสริมเรื่องของวิถีไทยดั้งเดิม อย่าง มวยไทย เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งโรงละครแห่งนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษาภาคมนี้ เช่นเดียวกับการก่อสร้างสวนสนุกและสวนน้ำ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ก็จะมีการติดตั้งเครื่องเล่นรองรับกลุ่มลูกค้าที่พำนักอยู่ในเมือง ที่สามารถมาเล่นสวนน้ำได้ เพราะเป็นเส้นทางในแนวรถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปไกล ตั้งใจจะขายบัตรสวนสนุกและสวนน้ำในราคา 250 บาทต่อคน
เล็งพัฒนาตลาดค้าส่งหลังเที่ยวคืน
ขณะเดียวกันเขายังมองถึงการพัฒนาให้เกิดตลาดค้าส่ง ขึ้นที่นี่ด้วย เพื่อเป็นจุดขายในช่วงดึกๆ ซึ่งร้านค้าปกติ ที่ขายปลักอยู่ในปัจจุบันที่ขายในช่วงเย็นถึงเที่ยงคืน แต่หลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว ก็พัฒนาร้านค้าให้เกิดการค้าส่งได้ อีกทั้งเจ้าตัวยังมองเรื่องของการสร้างเครือข่ายสมาชิกสหกรณ์ ให้สมาชิกสหกรณ์ มาซื้อสินค้าภายในซุปเปอร์ มาร์เก็ต ภายในโครงการได้ในราคาถูกและได้ของสดใหม่ โดยเป็นแนวคิดที่จะพัฒนาให้เกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ โดยลูกค้ามีทั้งพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในโครงการที่มีวันละกว่า 2 พันคน และลูกค้าที่อยู่ใกล้เคียงถนนรัชดาภิเษก
ทั้งนี้การสร้างซุปเปอร์ มาร์เก็ตนี้ขึ้นมา ช่วยเรื่องของการเก็บสต็อกอาหารสดของโรงแรมด้วย เพราะแทนที่จะสร้างสโตร์เก็บสินค้าและอาหารสด ก็สร้างซุปเปอร์ มาร์เก็ต ฟู้ด บาซาร์ ขึ้นมา ซึ่งจะได้ประโยชน์ในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวโครงการสวนลุมไนท์ บาซาร์ รัชดาฯ ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ราว 1 หมื่นคนต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นคนไทย เป็นต่างชาติราว 2 พันคน ซึ่งด้วยความที่พื้นที่กลาง ที่ร้านค้าต่างๆตั้งอยู่ กินพื้นที่เกือบ 20 ไร่ อาจจะทำให้คนดูกระจายตัวไป แต่เชื่อว่าหลังจากโตรงการเปิดให้บริการทั้งหมดอย่างเป็นทางการ น่าจะมีคนเข้ามาเที่ยวเฉลี่ย 2 หมื่นคนขึ้นไป และเป้าหมายจะทำให้บรรยากาศกลับมาคึกคักเหมือนตอนสวนลุมไนท์ บาซาร์เดิม ที่เคยทำสถิติมีคนมาเที่ยวสูงสุดอยู่ที่ 3 หมื่นคนต่อวัน
เล็งทุ่ม 1.2 พันล.ผุดรร.แห่งที่2
ไม่เพียงแต่การพัฒนาในโครงการสวนลุมไนท์ บาซาร์ รัชดาฯเท่านั้น ล่าสุดคุณไพโรจน์ ยังอยู่ระหว่างการสร้างโรงแรมเพิ่มอีก 1 แห่ง ขนาด 500 ห้อง รวมถึงห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ มูลค่าการลงทุน 1.2พันล้านบาท เนื่องจากเพิ่งจะได้ที่ ซึ่งติดพื้นที่ Park and Ride ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นที่เช่าจากการรถไฟฯ จำนวน 9 ไร่มา สัญญายังเหลืออีก 18 ปี ทำให้มองการลงทุนในส่วนนี้เพิ่ม เพื่อรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยว คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในอีก 6-8 เดือนข้างหน้านี้ เบื้องต้นอาจจะใช้ชื่อโรงแรมว่า "เดอะบาซาร์ นอร์ท" เพื่อให้สอดคล้องกับโรงแรมเดอะบาซาร์ ที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันในโครงการสวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาฯ
ทั้งหมดล้วนเป็นการกลับมาอีกครั้งของไพโรจน์ ทุ่งทอง ที่จะปลุกสวนลุมไนท์ บาซาร์ ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง กับฐานที่มั่นใหม่ในย่านถนนรัชดาภิเษก
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,156 วันที่ 12 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559