อุฬาร เกรียวสกุล มอง ‘พันธมิตร’มากกว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจ

05 พ.ค. 2559 | 01:00 น.
เมื่อ 20 กว่าปีก่อน หนังโฆษณา "ฝากไว้ก่อนโอฬาร(ตอนปิดบัญชี)กระเบื้องโอฬารปี 2536 เป็นหนังโฆษณาย้อนยุคที่ถูกกล่าวถึงและคนดูจดจำได้มากที่สุดชิ้นหนึ่ง เพราะใช้ลิงเป็นตัวเดินเรื่อง เรียกเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความประทับใจให้กับทุกวัยที่เห็น

"จัดว่าเป็นหนังโฆษณาที่ประสบผลสำเร็จเกินคาด เพราะเป็นยุคหนังโฆษณาชิ้นแรกๆที่นำสัตว์มาเดินเรื่องและน่าสนใจ ทำให้คนทั้งประเทศรู้จัก "กระเบื้องตราลูกโลก"มากที่สุด อีกทั้งยังทำให้ยอดขายในขณะนั้นพุ่งปรี๊ดขึ้นมา" จากคำบอกเล่าของ อุฬาร เกรียวสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท กระเบื้องโอฬาร จำกัด นักธุรกิจทายาทรุ่นที่ 2 ของบริษัท กระเบื้องโอฬารฯ บริษัทผลิต กระเบื้องชื่อดังและเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย

ปัจจุบันบริษัท กระเบื้องโอฬาร จำกัด ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 48 โดยอุฬาร รับไม้ต่อจากรุ่นแรก รุ่นก่อตั้งโดยคุณพ่อสกล เกรียวสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กระเบื้องโอฬาร จำกัด และบริษัท กฤษณ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ จำกัด ผู้สร้างตำนาน "กระเบื้องตราลูกโลก" ที่วันนี้ในวัย 82 ปีเต็ม แม้จะเลยวัยเกษียณไปนานแล้ว แต่ก็ยังมาช่วยลูกชายคนโตบริหารธุรกิจ ที่สำนักงานใหญ่ย่านรามคำแหงทุกวัน

อุฬาร ในวัยเด็กถูกส่งไปเรียนต่อในระดับมัธยมที่ประเทศอังกฤษ และเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา ณ Ohio State University Ohio State สหรัฐอเมริกา จนจบการศึกษาก็ได้เข้ามาทำงานให้กับครอบครัวทันที เริ่มจากงานด้านการตลาดต่อมาเรียนรู้งานต่างๆ ในโรงงาน เป็นผู้จัดการโรงงานผลิตกระเบื้องคอนกรีตและงานด้านอื่นๆ เรียกว่าผ่านการทดลองงานทั้งด้านการตลาดและการผลิต ก่อนก้าวสู่เก้าอี้ซีอีโอเต็มตัวเมื่อปี2554 จากประสบการณ์ในการทำงานรวม 35 ปีเต็ม

เขาย้ำว่า ธุรกิจกระเบื้องมุงหลังคา ปัจจุบันยังเป็นธุรกิจครอบครัว" เกรียวสกุล 100% ไม่มีความคิดที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ด้วยเหตุผลที่อยากให้ธุรกิจมีความคล่องตัว และมีโอกาสถ่ายทอดให้เจเนอเรชันที่ 3 เข้ามารับช่วงต่อได้ อีกทั้งมองว่าการบริหารธุรกิจด้วยระบบครอบครัวจะดีลกับคู่ค้าได้ในแบบครอบครัว ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเสน่ห์ของกระเบื้องโอฬารที่สืบเนื่องจากรุ่นแรกมาสู่รุ่นที่ 2 ด้วยความเป็นกันเองกับลูกค้า อุฬารจึงเชื่อว่าจากจุดยืนเหล่านี้ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกจากโรงงานได้รับการยอมรับมายาวนานจนถึงทุกวันนี้

กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท กระเบื้องโอฬารฯ ผู้สานต่อสินค้าภายใต้ชื่อ "กระเบื้องตราลูกโลก" ฉายภาพให้เห็น ธุรกิจในวันนี้ ผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างที่หลากหลายชนิดมากขึ้น อาทิ กระเบื้องมุงหลังคา กระเบื้องคอนกรีต ไม้ฝา กระเบื้องแผ่นเรียบ และอิฐบล็อกปูพื้นถนน ธุรกิจแตกหน่อ จนมีบริษัทในเครือเกือบ 10 บริษัท มีผลิตภัณฑ์ 4 กลุ่มหลักในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ไล่ตั้งแต่ 1.กระเบื้องมุงหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์ 2.กระเบื้องมุงหลังคาคอนกรีต 3.บอร์ดไฟเบอร์ 4.ไม้ฝาเชอร่า สินค้าเหล่านี้ จะยึดฐานลูกค้า 3 กลุ่มหลักอย่างเหนียวแน่น ทั้งร้านค้าปลีก ที่มีตัวแทนกระจายอยู่ในแต่ละภาค ,ตัวแทนจำหน่าย 400 ราย ทั่วประเทศ ,การขายผ่านโมเดิร์นเทรดของโกลบอลเฮ้าส์ ที่มีสาขากระจายอยู่ 38 แห่งทั่วประเทศ

สินค้าเกือบทุกตัวจะจับมือกับโกลบอลเฮ้าส์ โดยไม่ขายในโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างค่ายอื่น (ไทยวัสดุก่อสร้าง,โฮมโปร หรือดูโฮมฯลฯ )เพราะไม่ต้องการนำสินค้าไปแข่งขันกันเอง ฉะนั้นทำการค้ากับโกลบอลเฮ้าส์ เพราะเรามองถึงคำว่า "พันธมิตร" มากกว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือใช้หลักการมองคู่ค้าเหมือนเพื่อน "ถ้าเป็นบริษัทใหญ่เวลานี้มักจะมองยอดขายเป็นหลักแต่เรามองถึงผลที่เกิดขึ้นระยะยาวทางการค้าในการเป็นพันธมิตรกัน เพราะเชื่อว่าหลังจากนั้นเรื่องยอดขายจะตามมาเอง"

อุฬาร เปรียบเทียบให้เห็นความยาก-ง่ายในการทำธุรกิจว่า สมัยก่อนผู้ซื้อเชื่อร้านค้า เพราะหน้าร้านมีการเชียร์สินค้าว่า ควรซื้อสินค้าตัวไหนและมีตัวเลือกน้อยลง เช่น หลังคา จะมีแค่หลังคาสังกะสี มองแค่การใช้งานกันแดด กันฝนได้ เปรียบเทียบกับปัจจุบันลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น และตัดสินใจด้วยตัวเองได้ เพราะในตลาดมีสินค้าหลากหลาย ทั้งหลังคากระเบื้องคอนกรีต หลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์ หลังคาเหล็ก หลังคาสังกะสี ดังนั้นเมื่อรายได้ประชากรดีขึ้น ก็จะมองเรื่องความสวยงาม คงทน วัสดุดี มีความปลอดภัย และการบริการที่ดี ช่วยบ่งบอกฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัว

แต่ในแง่ผู้ผลิตกระเบื้อง นอกจากการค้าขายที่ยากขึ้น เพราะมีคู่แข่งขันมากรายแล้ว การผลิตก็ต้องพัฒนารูปแบบ และพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้น เหล่านี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยตรงเพราะจะได้มีทางเลือกมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัท ต้องพัฒนาเทคโนโลยี และมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาด รวมทั้งการนำระบบอี-คอมเมิร์ซเข้ามาใช้ โดยสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างผ่านออนไลน์ เชื่อมโยงกับตัวแทนจำหน่าย 400 รายทั่วประเทศ

สำหรับหลักในการบริหารธุรกิจให้สำเร็จลุล่วงได้ อุฬาร จะยึด 3 ข้อคือ 1.ทำอะไรต้องวางเป้าหมาย 2.ต้องมีวินัย 3.ต้องขยัน 3 ข้อนี้เป็นหลักการทำงานที่ถือปฏิบัติมาตั้งแต่วันแรกที่ทำงานจนถึงทุกวันนี้

นอกจากยึดหลัก3 ข้อดังกล่าวแล้ว ยังต้องผสมผสานกับมุมมองและแนวคิดจากคุณพ่อที่สามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคปัจจุบันได้ด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,154 วันที่ 5 - 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559