นายเรวัต จินดาพล ประธาน บริษัท มิส ลิลลี่ เอ็มดี ซัพพลาย จำกัด บริษัทในกลุ่มมิสลิลลี่ ผู้ให้บริการส่งดอกไม้ระบบออนไลน์ ภายใต้ชื่อ “มิสลิลลี่” (Misslily) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มิสลิลลี่ถือเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจให้บริการจัดส่งดอกไม้ระบบออนไลน์มาต่อเนื่องกว่า 25 ปี จนเป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมาพบว่าเศรษฐกิจถดถอยทุกปี และมีเทรนด์ที่ไม่ดีต่อเนื่อง รวมถึงในปีนี้ที่พบว่าบรรยากาศซบเซาอย่างเห็นได้ชัด
ทำให้บริษัทต้องปรับแผนธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับองค์กร ด้วยการหันไปลงทุนในธุรกิจอื่นที่มีศักยภาพแทน โดยเริ่มศึกษาและทำตลาดในธุรกิจอาหารพร้อมปรุง โดยนำนวัตกรรมด้านการแช่แข็งจากนวัตกรรมตู้เก็บและถนอมดอกไม้ สินค้าทางการเกษตรมาต่อยอด จนสามารถพัฒนาและเกิดเป็นแบรนด์ “มิสลิลลี่ คิทเช่น” ในรูปแบบอาหารพร้อมปรุงแช่แข็ง ที่มีมากว่า 100 เมนู อาทิ ข้าวผัดปู, โจ๊กหมู, แกงเหลือง ฯลฯ โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ และหน้าร้านซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการในย่านเสนานิคม ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง และในปีนี้จะมีการทำตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น
อีกหนึ่งธุรกิจที่เริ่มพัฒนาและผลิตออกวางจำหน่ายเมื่อปลายปีที่ผ่านมาคือ หน้ากากอนามัย “มิสลิลลี่” ซึ่งเป็นหน้ากากอนามัยประเภททั่วไป ผลิตจากนวัตกรรมผ้าเมลต์ โบลน (Meltblown) นวัตกรรมเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติสามารถกรองอนุภาคนาโนเล็กกว่าไมครอน ทำให้สร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังใช้งบลงทุนกว่า 20 ล้านบาทในการผลิตนวัตกรรมผ้าเมลต์ โบลน เพื่อใช้เป็นแผ่นกรองอากาศสำหรับใช้กับหน้ากากอนามัย และฟิลเตอร์ ซึ่งขณะนี้ได้จัดตั้งโรงงาน และเริ่มทดลองผลิตแล้ว คาดว่าจะผลิตได้อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมนี้ โดยเบื้องต้นมีกำลังการผลิต 8-9 ตันต่อเดือน
“เมลต์ โบลน เป็นนวัตกรรมขั้นสูงที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกรองอากาศให้กับหน้ากากอนามัยและฟิลเตอร์ ซึ่งจำเป็นมากในการป้องกันเชื้อโรคและฝุ่นละออง ซึ่งวันนี้บริษัทมีความพร้อมในการผลิตและส่งออกไปในหลายประเทศ นอกจากนี้ยังร่วมกับสถาบันชั้นนำวิจัย และต่อยอดในการนำผ้าเมลต์ โบลนไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต่อไป”
นายเรวัต กล่าวอีกว่า การไดเวอร์ซิฟายธุรกิจครั้งนี้ ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของมิสลิลลี่ เพราะเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ในรอบกว่า 20 ปี การพลิกจากธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ก้าวเข้าสู่ธุรกิจอุตสาหกรรม ถือเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะต้องยอมรับว่าวันนี้ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเองก็แข่งขันกันดุเดือดและรุนแรง เป็น Super Red Ocean หากอยู่กับที่ก็เท่ากับตายลูกเดียว ต้องออกมาค้นหาดินแดนใหม่ ซึ่งวันนี้มิสลิลลี่เองมีความพร้อมทั้งทีมงาน พันธมิตร ผู้ถือหุ้น ที่ร่วมกันศึกษาวิจัย และพัฒนา เพื่อให้เดินไปข้างหน้าด้วยกัน
“เรามีทีมงานมืออาชีพ มีผู้ถือหุ้นและพันธมิตรที่เข้าใจ มีทีมวิศวกรที่แข็งแรง มีสถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ช่วยสนับสนุนด้านงานวิจัย ทำให้เราเชื่อมั่นว่า สิ่งที่เรากำลังทำ และกำลังเดินอยู่ แข็งแกร่งและถูกต้อง”
อย่างไรก็ดีในปี 2563 พบว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัท 50% มาจากธุรกิจดอกไม้ และอีก 50% มาจากธุรกิจหน้ากากอนามัย โดยในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ราว 60-70 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 30-40% จากปีก่อน ขณะที่ในปี 2565 จะเห็นรายได้จากทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจได้แก่ ธุรกิจจัดส่งดอกไม้ระบบออนไลน์ ธุรกิจอาหาร, หน้ากากอนามัย และเมลต์ โบลน ที่ชัดเจนขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะมีรายได้ 100-120 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมของธุรกิจในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกำลังซื้อที่ลดลง จากการว่างงาน คาดว่าจะทำให้ตลาดหดตัวลงกว่า 20% อีกทั้งวันวาเลนไทน์ตรงกับวันอาทิตย์ทำให้บรรยากาศการให้ดอกไม้หรือให้ของขวัญในวันวาเลนไทน์อาจจะลดลงและหันไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น การรับประทานอาหารร่วมกัน เป็นต้น ทำให้การจับจ่ายซื้อดอกไม้ ช็อกโกแลต หรือของขวัญจะลดลงไปด้วย
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,653 วันที่ 14 - 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หน้ากากอนามัย "เวลแคร์" ฝีมือคนไทยคว้า “มอก.”
เครือซีพีออกแถลงการณ์ แจงขายหน้ากากฯ-ซื้อหุ้นซิโนแวค
คนกรุงแผ่ว ! ใส่หน้ากากอนามัย 80%
แห่ตุนหน้ากาก ดันราคาพุ่ง สินค้าจีนทะลัก!
‘มิสลิลลี่’ ชูนวัตกรรมรุกหน้ากากอนามัย