“เดนทิสเต้” จัดหนัก  ชิงแชร์ตลาด ยาสีฟันหมื่นล้าน

13 ก.พ. 2564 | 05:32 น.

ตลาดยาสีฟันหมื่นล้านระอุ “เดนทิสเต้” ทุ่ม 500 ล้านโหมบุกเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม จัดใหญ่หนังโฆษณาชุดคู่รัก “ชมพู่-น็อต” หวังขยายฐานลูกค้า Gen Y มั่นใจดันยอดขายโต 25%

เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ สยามเฮลท์กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก “เดนทิสเต้” (Dentiste’) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลช่องปากหรือออรัลแคร์ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ยังมีการเติบโตราว 3% ต่อปี โดยกลุ่มยาสีฟันเป็นเซ็กเมนต์ที่ใหญ่สุดมีมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท ถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรงมาก เห็นได้จากคู่แข่งในตลาดที่เพิ่มขึ้นกว่า 6 เท่า จากเดิมที่มีอยู่ราว 10 ราย เป็น 50-60 ราย

ภก.ดร. แสงสุข  พิทยานุกุล

 

ทำให้ในปีนี้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การทำตลาดเดนทิสเต้ โดยหันมาเน้นนวัตกรรม จากสินค้าที่มีอยู่ราว 60 รายการ แต่พบว่าลูกค้ารับรู้น้อย บริษัทจึงต้องการสร้างการรับรู้ โดยนำเสนอจุดเด่นที่มาจากการวิจัยและพัฒนาจากทันตแพทย์ พร้อมทุ่มงบราว 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้งบกว่า 100 ล้านบาทในการทำตลาด เริ่มตั้งแต่การจ้างทีมที่ปรึกษาระดับโลก ผลิตภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “Best Moment” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เดนทิสเต้ ปรับรูปแบบใหม่ จากเดิมเป็นยาสีฟันก่อนนอนในหนังโฆษณาชุดเก่า “Bed moment” พลิกคอนเซ็ปต์สื่อสารความเป็นผลิตภัณฑ์ Dentiste’ Premium Care “Best Moment ช่วงเวลาดีๆ กับคนรอบข้าง แค่ได้อยู่ใกล้กันก็ทำให้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดได้” เพื่อขยายฐานและเดินหน้าพาแบรนด์เดนทิสเต้เข้าไปในหลายๆ ประเทศ มุ่งสู่ระดับโลก

เดนทิสเต้

โดยภาพยนตร์โฆษณาชุด “Best Moment” ได้ “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต และ น็อต-วิศรุต รังสีสิงห์พิพัฒน์” มาร่วมนำเสนอในฐานะพรีเซ็นเตอร์คู่รัก โดยคอนเซ็ปท์ใหม่นี้มุ่งเจาะกลุ่มคน Gen Y ขยายฐานจากกลุ่ม Gen X ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่ใช้เดนทิสเต้เป็นประจำอยู่แล้ว โดยกระตุ้นความสนใจตัวแบรนด์ Dentiste’ Premium Care ยาสีฟันนวัตกรรมสูงและเป็น Complete Care แบบ All in one ใช้ครั้งแรกจะรู้สึกประทับใจ สร้าง Best Moment เสริมความมั่นใจกับการใช้ชีวิตประจำวัน

“การขยายกลุ่มเป้าหมายจะเป็นคีย์ซัคเซสให้เดนทิสเต้ มียอดขายและเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 25% ในปีนี้ หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีก่อน ทำให้กลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวหายไปเป็นศูนย์ โดยหลังจากนี้เตรียมอัดงบโฆษณาจำนวนมากและเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหากลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าหลากหลายมากขึ้นและเน้นจำหน่ายสินค้าเป็นเซ็ต การขยายช่องทางการขายรูปแบบออนไลน์และ TV Shopping ซึ่งประสบความสำเร็จมากในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เพราะรูปแบบการขายน่าสนใจ สามารถสร้าง Value สินค้า สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้ายุคโควิดที่คนอยู่บ้านกันมากขึ้น ดูโทรทัศน์ ใช้อินเทอร์เน็ตและนิยมซื้อของออนไลน์มากขึ้น” 

 

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,652 วันที่ 11 - 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขอเอี่ยว “สยามเฮลท์ฯ”  ซุ่มพัฒนาเม้าท์สเปรย์ “กัญชง”

สยามเฮลท์ กรุ๊ป  ชู Planet Marketing  สู้ไวรัส-ดิจิทัล ดิสรัปต์

ปั้นแบรนด์ "สมุนไพรวังพรม" ครองแชมป์ CLMV