“ประกันรายได้ข้าว” ธ.ก.ส.ลานกระบือ วางโรดแมปโอนเงินให้ชาวนา ตรวจสอบสิทธิได้ที่นี่

16 พ.ย. 2563 | 09:28 น.

“ประกันรายได้ข้าว” ธ.ก.ส. ลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร กำหนดวันโอนเงินให้ชาวนา เรียบร้อยแล้วหลังโอนวันนี้วันแรก

วันที่ 16 พ.ย. จากกรณีที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ได้โอนเงิน ประกันรายได้ข้าว ให้กับเกษตรที่ได้รับสิทธิ์ในปีการผลิต 2563/2564 มีประมาณกว่า 4 ล้านราย ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยประกันรายได้ให้แก่เกษตรผู้ปลูกข้าวทั้งหมด 5 ชนิด

1.ข้าวเปลือกหอมมะลิ

2.ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่

3.ข้าวเปลือกเจ้า

4.ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี

5.ข้าวเปลือกเหนียว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เช็กที่นี่ ! ตรวจสอบเงินประกันรายได้ข้าว - ประกันรายได้ยาง

เงินเข้าแล้ว “ประกันรายได้ข้าว”  โวย ธ.ก.ส. เงินได้ไม่ครบ  

ทำความรู้จักแอปฯ “ธ.ก.ส.A-Mobile” “เช็กเงินประกันรายได้ข้าว”

เปิดรายละเอียด ธ.ก.ส.สินเชื่อสานฝัน กู้ได้สูงสุด 1 ล้านบาท

“ประกันรายได้ข้าว” ตรวจสอบสถานะ ธ.ก.ส. จ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกร เช็ก chongkho.inbaac.com

 

โดยการโอนเงิน ประกันรายได้ข้าว ยึดหลักเกณฑ์เช่นเดียวกันรอบที่ 1 ซึ่งในวันนี้ (16 พ.ย.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.เริ่มจ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวรอบที่ 1 เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตรวจสอบสิทธิ์ของตนเองที่ขึ้นทะเบียนไว้ต้องตรงกับบัญชีที่เปิดไว้กับ ธ.ก.ส. เพื่อได้รับสิทธิ์อย่างเต็มที่และรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามความคืบหน้าโอนเงิน "ประกันรายได้ข้าว" ให้กับเกษตรกร  ทาง ธ.ก.ส. ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร ได้กำหนดวันโอนเงินอย่างเป็นทางการ รายละเอียดมีดังนี้

ปลูกข้าว (นาปี) ของ อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร

  • ต.จันทิมา วันที่ 16 พ.ย.2563
  • ต.ช่องลม วันที่ 18 พ.ย.2563
  • ต.โนนพลวง วันที่ 19 พ.ย.2563
  • ต.บึงทับแรต วันที่ 20 พ.ย.2563
  • ต.ประชาสุขสันต์ วันที่ 23 พ.ย.2563
  • ต.ลานกระบือ วันที่ 24 พ.ย.2563
  • ต.หนองหลวง วันที่ 25 พ.ย.2563

 

 

นอจากนี้ ธ.ก.ส.สาขาลานกระบือ ได้ขอความร่วมมือลูกค้าที่มาใช้บริการในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ดังนี้

1. ลูกค้าที่มีบัตร ATM สมารถถอนเงินที่ตู้ ATM ทุกธนาคารได้ตลอดเวลา

2. ลูกค้าที่ไม่มีบัตร ATM และมีความประสงค์จะถอนเงินหน้าเคาน์เตอร์ของธนาคารให้มาถอนเงินตาม แผนการจ่ายเงินที่กำหน เพื่อปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด

3. เกษตรกรที่ได้รับเงินงวดที่ 1 (รอบที่ 1) จะเป็นผู้ที่มีวันเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวปีการผลิต 2563/64 ที่ระบุวันเก็บเกี่ยวจนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 สำหรับเกษตรกรที่ยังไม่ถึงวันเก็บเกี่ยวจะมีรอบการโอนครั้งต่อไป

4. ขอความร่วมมือลูกค้าเนื่องจากยังคงมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ทางธนาคาร จึงขอความร่วมมือกรณีเกษตรกรลูกค้าท่านใดที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน สามารถถอนหรือตรวจสอบยอดภายหลังแผนการจ่ายได้ตลอดในสัปดาห์ถัดไป

 

ขณะที่ นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 (รอบที่ 1) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาราคาข้าว โดยกลไกตลาดยังคงทำงานเป็นปกติ ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 18,096 ล้านบาท จำนวนเกษตรกรที่จะได้รับประโยชน์กว่า 4.04 ล้านราย โดยประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด

  1. ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละ  ไม่เกิน 14 ตัน
  2. ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
  3. ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน 
  4. ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน
  5. ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

 

กรณีเกษตรกรปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด จะได้สิทธิไม่เกินจำนวนสูงสุดของข้าวแต่ละชนิด และ เมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงชนิดข้าวที่กำหนดไว้สูงสุด โดยมีการกำหนดราคาอ้างอิงและระยะเวลาที่ใช้สิทธิขอชดเชย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 31 ตุลาคม 2563 (ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2563 – 28 กุมภาพันธ์ 2564) ซึ่งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงครั้งแรกวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 เพื่อใช้ในการชดเชยส่วนต่างตามโครงการฯ ความชื้นข้าวเปลือกแต่ละชนิด  ไม่เกิน 15% โดย ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ได้ชดเชยส่วนต่างราคาประกันข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 2,911.17 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 2,137.45 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 1,222.36 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 1,066.96 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 2,084.34 บาท มีเกษตรกรที่มีคุณสมบัติถูกต้องได้รับเงินทั้งสิ้น 871,869 ราย เป็นเงิน 9,298 ล้านบาท จากนั้นจะประกาศราคาอ้างอิงทุก ๆ 7 วัน จนถึงวันสิ้นสุดโครงการฯ