โควิด-19 หนุนโอกาส ธุรกิจ ‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’

07 พ.ย. 2563 | 00:30 น.

ท่ามกลางโควิด-19 ธุรกิจโรงแรมไทยต่างปักโกรกกันถ้วนหน้า ยกเว้น ฮาบิแทท กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่มีโรงแรมทั้งที่เปิดให้บริการแล้วและกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาในพัทยา รวม ถึง 7 แห่ง มูลค่าโครงการรวม 6-7 พันล้านบาท แต่ทำไมธุรกิจยังคงเติบโตสวนวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสที่เกิดขึ้น อ่านได้จากสัมภาษณ์นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป

ธุรกิจโตสวนโควิด

            ภาพรวมตลาดต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยไม่เหมือนในอดีต จากผลกระทบ โควิด 19 ธุรกิจโรงแรมในเมืองท่องเที่ยวหลัก อย่าง เชียงใหม่ เกาะต่างๆในภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นสมุย ภูเก็ต จะกระทบหนักมาก อัตราการเข้าพักเฉลี่ยเหลือไม่ถึง10%

โควิด-19 หนุนโอกาส ธุรกิจ ‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’

            แต่ในมุมของ ฮาบิแทท กรุ๊ป ลูกค้าหลัก คือคนกรุงเทพ คิดเป็นสัดส่วน 80-90% มีตลาดต่างชาติ 20-30% เท่านั้น ประกอบกับการโฟกัสการลงทุนที่พัทยาเป็นหลัก ซึ่งก็อยู่ในระยะการเดินทางไม่เกิน 3 ชั่วโมง คนจึงยังเดินทางท่องเที่ยวอยู่ ทำให้เราไม่ได้รับผลกระทบจากโควิดแต่อย่างใด

      ปัจจุบันโรงแรมที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว จำนวน 3 แห่ง จึงมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย หลังโควิด ก็ไม่ต่างจากช่วงที่ยังไม่มีโควิด โดย “เดอะ วิลล์ จอมเทียน” และ “ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์” ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 50-60%

       ขณะที่ “โรงแรม ครอสทู โอเชียนเฟียร์ พัทยา”  ก่อนโควิด มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 60% แต่หลังเกิดโควิด มีอัตราการเข้าพักสูงถึง 80% ซึ่งก็ถือว่าสูงขึ้นกว่าเดิมด้วย เพราะที่นี่เป็นไพเวท พูลวิลล่า

โควิด-19 หนุนโอกาส ธุรกิจ ‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’

       อย่างไรก็ตามแม้ลูกค้าคนไทยจะเดินทางมาเที่ยวมากในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่เราก็สามารถขายห้องพักในราคาที่สูงได้ ตามดีมานต์ความต้องการในการเข้าพัก ก็ทำให้ได้ราคาที่สามารถหล่อเลี้ยงวันธรรมดาที่มีผู้เข้าพักน้อยได้ อย่างช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เราสามารถทำราคาขายได้ถึง 1.5- 2 หมื่นกว่าบาทต่อคืน ส่วนวันธรรมดาอยู่ที่ 8-9 พันบาทต่อคืน

       ดังนั้นในวิกฤตก็มีโอกาส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกโรงแรมในพัทยา จะได้ดีเหมือนกันหมด เพราะโรงแรมในพัทยาที่มีขนาดใหญ่ 300 กว่าห้อง ที่รับนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก ขายคืนละพันกว่าบาท กลุ่มนี้ก็ไม่ได้รับอานิสงส์

         ในทางตรงกันข้ามโรงแรมในลักษณะลักชัวรี บูติก โฮเทล หลายแห่งในพัทยา อย่างเรเนซองส์,ยู พัทยา, ยู จอมเทียน อัตราการเข้าพักก็อยู่ในระดับ 80-90% ซึ่งโรงแรมเราก็อยู่ในเซ็กเมนต์นี้ก็ถือว่าได้รับโอกาสจากโควิด

       ทั้งนี้การที่โรงแรมสไตล์นี้ยังไปได้ดีในตลาด เพราะเทรนด์การท่องเที่ยว หลังโควิด จะเห็นว่าคนเดินทางระยะใกล้ เดินทางแบบส่วนตัวหรือไพเวท ดังนั้นบูติก โฮเทล ที่เจาะลูกค้ากลุ่มไฮเอนท์

        นอกจากนี้การเกิดขึ้นของโควิด-19 ก็เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เป็นบทพิสูญจน์ในเรื่องของการดำเนินธุรกิจโรงแรมได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าใครเกิดก็จะเกิดธุรกิจจะไปได้ดีกว่าเดิม แต่ถ้าใครไม่เกิดก็จะดับไปเลย  ธุรกิจของฮาบิแทท ในพัทยา วันนี้จึงถือว่าเราผ่านบททดสอบมาแล้ว และกำลังจะไปได้ดี

        จุดนี้แสดงให้เห็นว่าทิศทางการพัฒนาธุรกิจของฮาบิแทท ที่เราทำมาตั้งแต่ต้น ถือว่าตอบโจทย์ และยังเป็นทิศทางเดียวกับเทรนด์พฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวหลังโควิดด้วย

         การพัฒนาโครงการของฮาบิแทท กรุ๊ป ในพัทยา เรามองเจาะลูกค้ากลุ่มบน เพราะเห็นว่าการลงทุนที่เกิดขึ้นในพัทยาส่วนใหญ่จะเจาะกลู่มลูกค้าระดับกลางถึงล่าง ตลาดลักชัวรี จึงยังเป็นที่ต้องการ เพราะไม่ต้องบินไปภูเก็ตหรือสมุย แต่มาพัทยาก็ได้รับประสบการณ์แบบลักชัวรีได้ ประกอบกับกรุงเทพ มีประชากร 10 ล้านคน การทำโปรเจ็กต์ดีๆ มีดารามาพัก ทำให้เกิดไวรัล โรงแรมก็ขายได้

โควิด-19 หนุนโอกาส ธุรกิจ ‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’

วาง 4 จุดเน้นลงทุน

        ด้วยความที่ ฮาบิแทท กรุ๊ป เน้นการพัฒนาอสังหาฯในรูปแบบไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์  การพัฒนาโครงการต่างๆในพัทยา เราจึงเน้นใน 4  เรื่องหลัก ได้แก่

        1.โลเคชั่นในการลงทุนต้องติดทะเล หรือห่างจากทะเลไม่เกิน 300-400 เมตร เพราะคนไปพัทยาก็อยากเห็นทะเล และเราจากการทำสำรวจก็พบว่าคนกรุงเทพฯชอบเที่ยวทะเล ใกล้ๆกรุงเทพฯ การจึงเลือกลงทุนที่พัทยา

        2.สร้างโปรดักต์ให้มีความแตกต่าง  เน้นโปรดักต์ ดีไซน์ มีจุดขายที่แตกต่าง  สร้างให้เกิดไวรัล หรือการพูดถึงปากต่อปาก เพราะยอดขายกว่า 90% มาจากออนไลน์ ผ่านออนไลน์ ทราเวล เอเย่นต์ (OTA) ซึ่งนอกจากดีไซน์ที่ดีแล้ว เรายังมีการเทรนนิ่งพนักงานให้ถ่ายภาพเก๋ๆในมุมเก๋ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปเก๋ๆและรีวิวโปรดักต์ที่แตกต่างผ่านโซเชี่ยล

       3.การดึงเชนโรงแรมหรูมาบริหารจัดการเพื่อตอบโจทย์นักลงทุน และดึงให้ลูกค้าเข้ามาพัก เพราะ ฮาบิแทท ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารโรงแรม การดึงแบรนด์จากต่างประเทศมาจะทำให้เกิดการบริหารจัดการโรงแรมอย่างเป็นมืออาชีพ โดยจะเห็นว่าเราดึง 3 เชนโรงแรมมาบริหาร ได้แก่ แบรนด์ครอสทู จากออสเตรเลีย  รวมถึงในปีหน้า ก็จะเห็น แบรนด์เบสท์ เวสเทิร์น และแบรนด์วินด์ดัม จากสหรัฐอเมริกา

       โดยฮาบิแทท กรุ๊ป จะลงทุนพัฒนาโครงการต่างๆ ให้นักลงทุนเข้ามาซื้อ และปล่อยเช่าบริหารจัดการเป็นโรงแรม โดยแบ่งกำไรให้กับเจ้าของห้อง และมีสิทธิเข้าพักได้ 14 วันต่อปี   ภายใต้การดำเนินการต่อของ บริษัท ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ จำกัด

       4. ไม่เน้นMASS แต่เน้นควอลิตี้ โปรดักซ์ มีจำนวนห้องไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้บริหารจัดการได้ดีต้นทุนไม่สูง อย่างพูลวิลล่า ก็สร้างอยู่ที่ 50 กว่าหลัง ขายห้องพักราคา 8 พัน-1 หมื่นบาทต่อคืน เป็นต้น

 

จ่อลงทุนรร.แห่งที่ 8

       สำหรับโครงการที่ฮาบิแทท กรุ๊ป กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาในพัทยา มีทั้งหมด 4 เครือการ ได้แก่  โครงการรามาด้า บาย วินด์ดัม มิรา นอร์ท พัทยา จำนวน 330 ยูนิต ขายได้แล้ว70% คาดว่าจะปิดการขายได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า และจะเปิดให้บริการโรงแรมได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี65 โครงการ วินด์ดัม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา

โควิด-19 หนุนโอกาส ธุรกิจ ‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’

       ส่วนในปีหน้าจะเปิดอีก 2 โรงแรม คือ เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา  และ บลูเฟียร์ บีดับเบิลยู พรีเมียร์ คอลเล็คชั่น บาย เบสท์ เวสเทิร์น จอมเทียน พัทยา  และโครงการ วินด์ดัม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 

      รวมไปถึงเรายังอยู่ระหว่างการลงทุนโครงการแห่งที่ 8 ในพัทยาด้วย ซึ่งจะแบ่งการลงทุนเป็น 2 เฟส เป็นแบรนด์โรงแรมใหม่ที่จะนำเข้าบริหารจัดการ โดยเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว คาดว่าจะสรุปได้ในช่วงไตรมาส1 ปีนี้

       ปีนี้แม้จะเกิดโควิด แต่เรามียอดขายที่โตกว่าปีที่แล้วถึง 2 เท่า จากการ ขายอสังหาฯเพื่อการลงทุน คาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้จากยอดโอน แตะ 2 พันล้านบาท เนื่องจากการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่นๆในปัจจุบัน

โควิด-19 หนุนโอกาส ธุรกิจ ‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’

       โดยเราให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 6% ต่อปีเป็นเวลา 3 ปี หลังจาก 3 ปี ก็จะเป็นการแบ่งกำไรให้ โดยเจ้าของห้องมีสิทธิ์เข้าพัก 14 วันต่อปีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และหลังจากโควิด ก็มีเทรนด์เรื่องของเวเคชั่น โฮม ด้วยจะเห็นว่าเรสสิเด้นท์ที่มีแบรนด์โรงแรม จะได้รับการตอบรับจากตลาดที่ดี

      การพัฒนาโครงการในพัทยาจึงไปได้ และอนาคตเมื่อโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) แล้วเสร็จ พัทยาก็จะมีการเติบโตด้านการเดินทางและท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไปอีก

       ส่วนการลงทุนในกรุงเทพฯของฮาบิแทท ภายในแบรนด์ โครงการ วาลเด้นท์ ตลาดจะไม่เหมือนพัทยา เราจึงเน้นเรื่องการปล่อยเช่าระยะยาวเป็นหลัก

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,624 วันที่ 5 - 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563