ลุ้นธุรกิจบริการฟื้นหลังเปิดประเทศ

24 ก.ย. 2563 | 06:46 น.

ลุ้นธุรกิจบริการฟื้นหลังเปิดประเทศ  หวังคุมโควิด-19อยู่ ไร้ระบาดรอบ2 ขณะที่การขอจดทะเบียนธุรกิจใหม่ทั่วประเทศเดือนก.ค. ลดลง2% เหตุผูประกอบยังไม่มั่นใจเศรษฐกิจ

นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าว ถึงการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนส.ค.2563 ว่า  มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 5,538 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 14,316 ล้านบาท  ลดลงจากเดือนก.ค.2563 จำนวน 129 ราย หรือคิดเป็น 2% และลดลงจากเดือนส.ค. 2562 จำนวน 435 ราย คิดเป็น 7% ซึ่งคาดว่าสถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2 มาแล้วและเริ่มมีจำนวนกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา  แต่ยังมีประเด็นเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในรอบที่ 2ที่อาจส่งผลกระทบความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและนักลงทุนได้  สำหรับประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 548 ราย คิดเป็น 10% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 284 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงคนโดยสาร จำนวน 162 ราย คิดเป็น 3%  ส่วนภาพรวม การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเดือนม.ค.-ส.ค.2563  มีรวมทั้งสิ้น 44,542 รายลดลง 6,112  ราย คิดเป็น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ลุ้นธุรกิจบริการฟื้นหลังเปิดประเทศ

 

ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนส.ค.2563 จำนวน 1,337 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 5,408 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา  ไม่มีนัยยะสำคัญเพราะมองว่าเป็นการปรับตัวตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ เมื่อมีธุรกิจหนึ่งยกเลิกประกอบกิจการก็จะมีธุรกิจบางประเทศจดเพิ่มขึ้นมา ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 115 ราย  คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 65 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 38 ราย คิดเป็น 3% 

ขณะที่ภาพรวมการเลิกประกอบกิจการเดือนม.ค.-ส.ค.2563 มีทั้งสิ้น  8,825 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา 12% หรือลดลง 1,191 ราย ส่งผลให้ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนส.ค.2563 ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 770,278 ราย  มูลค่าทุน 18.57 ล้านล้านบาท

ลุ้นธุรกิจบริการฟื้นหลังเปิดประเทศ          

   “สถานการณ์การจดทะเบียนจดตั้งบริษัทจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วและมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น แต่สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังในปลายปี 2563 คือการระบาดของโควิด-19 รอบสองที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นโดยรวม เพราะไทยมีผ่อนคลายมาตรการในการรักษาระยะห่างและการเปิดประเทศในเดือนต.ค.ให้นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางเข้ามาประเทศไทย ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือในการคัดกรองตรวจสุขภาพนักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพจะมีผลดีต่อภาคบริการและภาคการท่องเที่ยวของไทย เช่น การขนส่งเดินทาง โรงแรมที่พักอาศัย ร้านอาหารและธุรกิจนำเที่ยว ซึ่งเป็นภาคที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและแรงงานจำนวนมากและคาดว่าหลังจากผ่อนคลายธุรกิจภาคบริการเหล่านี้จะฟื้นกลับคืนมาอีกครั้งและทั้งปีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจจะยังเป็นไปตามเป้าคือ 65,000-70,000 ราย หรือเฉลี่ยประมาณ 5,000-5,500 รายต่อเดือน”  นางโสรดา กล่าว

            สำหรับการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวในดือนส.ค.2563มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 58 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 21 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 37 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 9,089 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค. 3,804 ล้านบาท คิดเป็น 72%  เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า  นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 21 ราย เงินลงทุน 7,159 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จำนวน 5 ราย เงินลงทุน 39 ล้านบาท และจีน จำนวน 2 ราย เงินลงทุน 125 ล้านบาท