คิสออฟบิวตี้ ปรับทัพรับตลาดความงามหดตัว

29 ส.ค. 2563 | 03:39 น.

คิสออฟบิวตี้ เปิดกลยุทธ์ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจและโควิด ปรับแผนดึงจุดแข็งในตลาดโลชั่นน้ำหอมแตกไลน์สู่หลากหลายแบรนด์เจาะสาวๆ พร้อมเสริมทัพอี-คอมเมิร์ซ ก่อนเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hygiene & Protection ดันยอดโต

นายกิตติพนธ์ นามพิชญ์ธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิสออฟบิวตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มก่อตั้งมากว่า 7 ปี ตั้งแต่ปี 2556 จากจุดเริ่มต้นจากความมุ่งมั่นตั้งใจในการเป็น ASEAN BEAUTY ในการเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มหญิงสาวที่มีแพชชั่นในด้านความงาม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องสำอาง และกลุ่ม สกินแคร์ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดขายในปี 2562 ที่ผ่านมา ที่เติบโตขึ้นกว่าร้อยละ 82 จากปี 2561 คิดเป็นมูลค่ากว่า 264.5 ล้านบาท ขณะที่สภาวการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไป ทำให้ไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนไปเช่นกัน บริษัทจึงได้เล็งเห็นและเร่งปรับตัวกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในด้านการคิดและตอบโจทย์ด้านผลิตภัณฑ์ให้ตรงโจทย์ที่สุด จะเห็นได้ชัดว่าในภาวะโควิด -19 ผู้คนจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยซึ่งบดบังความงามจากการแต่งหน้าของสาวๆ

คิสออฟบิวตี้ ปรับทัพรับตลาดความงามหดตัว

ดังนั้นสาวๆ หลายคนจึงเลือกที่จะไม่แต่งหน้า หรือแต่งหน้าให้เบาบางลง บริษัทได้มองเห็นโอกาสในการขยายแบรนด์ต่างๆ สู่ไลน์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกลิ่นหอม ที่จะช่วยเสริมเสน่ห์กลิ่นหอมให้มีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคลิกของสาวๆ  ซึ่งถือเป็นความเชี่ยวชาญหนึ่งของคิสออฟบิวตี้ พร้อมเร่งพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการในช่วงเวลานั้นๆ และกระจายออกสู่ตลาดอย่างเร็วที่สุด เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า อาทิ ผลิตภัณฑ์ยูมะ (Yuma) ก็ได้เริ่มขึ้นในช่วงภาวะวิกฤตที่ผ่านมา

คิสออฟบิวตี้ ปรับทัพรับตลาดความงามหดตัว

ทั้งนี้การขยายแบรนด์ต่างๆ สู่ไลน์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกลิ่นหอม เป็นการใช้ความเชี่ยวชาญของคิสออฟบิวตี้ มาเร่งพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการในช่วงเวลานั้นๆ และกระจายออกสู่ตลาดอย่างเร็วที่สุด เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ผ่านแบรนด์ยูมะ (Yuma) มี 4 ประเภทผลิตภัณฑ์ ได้แก่ น้ำยาฆ่าเชื้อโรคผสมแอลกอฮอล์, เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ, ทิชชู่เปียกผสมแอลกอฮอล์ และ หน้ากากอนามัย  รวมทั้ง แบรนด์วิงค์เคิล (Winkel) ประเดิมด้วยสินค้าแรก ฟองน้ำนาโน โดยปัจจุบัน คิสออฟบิวตี้มี 9 แบรนด์ 11 ประเภทสินค้าในพอร์ตครอบคลุมชีวิตประจำวันของลูกค้า นอกจาก 2 แบรนด์ข้างต้น ประกอบด้วย แบรนด์ มาลิสสา คิส (Malissa Kiss) มี 4 โปรดักท์โลชั่นน้ำหอม, สเปรย์น้ำหอม, เจลว่านหางจระเข้ และเครื่องสำอาง มุนอา เฮ้าส์ (MoonA House)  ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ทูซัมวัน (2Some1) โลชั่นน้ำหอม สกินออกซี่ (Skinoxy)  ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แทงกีโมรี (Daeng Gi Meo Ri) ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม จูเลียต โคล (Juliet Cole) ผลิตภัณฑ์น้ำหอม คลารีน่า (Claryna) เครื่องทำความสะอาดผิวหน้า

คิสออฟบิวตี้ ปรับทัพรับตลาดความงามหดตัว

นอกจากนี้ยังเร่งพัฒนา “อีคอมเมิร์ซ” ให้แข็งแกร่งเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้แห่งอนาคต จากช่วงต้นปีมีสัดส่วนยอดขายเพียง 1% พุ่งเป็น 10% ในปัจจุบัน ตั้งเป้า 5 ปีข้างหน้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% พร้อมๆ กับการขยายตลาดภูมิภาคที่คาดว่ารายได้จะเพิ่มเป็น 30% ใน 5 ปีจาก 10% ในขณะนี้ส่งออกไป  จีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย

คิสออฟบิวตี้ ปรับทัพรับตลาดความงามหดตัว

 “แม้ภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 จะส่งผลกระทบไปอย่างทั่วโลก รวมไปถึงประเทศไทยแต่ทุกกลุ่มธุรกิจต่างก็ต้องเร่งพัฒนากลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้อย่างสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งคิสออฟบิวตี้ ได้วางกลยุทธ์หลักด้วยการต่อยอดจากจุดแข็งของบริษัทในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกลิ่นหอม โดยการขยายไลน์สินค้าเกี่ยวกับน้ำหอมสู่แบรนด์ต่างๆ มากยิ่งขึ้น การเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่ม Hygiene & Protection (ไฮยีน แอนด์ โพรเทคชั่น) เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที พร้อมเร่งพัฒนาอี-คอมเมิร์ซ ให้แข็งแกร่งเพื่อสร้างยอดการจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้นในช่องทางออนไลน์ โดยคาดว่าจะสามารถผลักดันให้บริษัทเติบโตกว่า 14% ภายในสิ้นปี 2563 นี้”

คิสออฟบิวตี้ ปรับทัพรับตลาดความงามหดตัว

อย่างไรก็ตามข้อมูลจากยูโรมอนิเตอร์ ระบุว่าตลาดสกินแคร์ เคยเติบโตเฉลี่ย 6-8% ทุกปี ปี 2562 ขยายตัว 7.28% ส่วนปีนี้คาดไม่มีการเติบโต ตลาดน้ำหอม จากเติบโต 6.01% เมื่อปีก่อนหดตัวแรง 8.3% จะเริ่มเห็นสงครามราคาของแบรนด์ต่างๆ ที่เคยจัดโปรโมชันลดสูงสุด 50% เวลานี้ลดราคาสูงสุดถึง 70% ด้วยแคมเปญต่างๆมากมาย