ไทยซินฯ ผนึก“สตาร์ แคนเนอรี่” ส่ง“ปาปี้” รุกตลาดปลากระป๋อง

01 ก.ค. 2563 | 07:48 น.

โควิด 19 ดันธุรกิจอาหารโลกโตพรวด ไทยซินฯ สบช่อง ผนึก “สตาร์ แคนเนอรี่” เปิดตัว “ปาปี้” รุกตลาดปลากระป๋องไทย-เทศ ก่อนเตรียมเปิด Business Unit ใหม่ ต่อยอดธุรกิจในอนาคต

นายสุรไกร ไพรสานฑ์กุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัทในเครือไทยซิน กรุ๊ป และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอที คอสเมติค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 3 ที่จะถึงนี้บริษัทมีแผนเปิดตัว Business Unit ใหม่ ซึ่งถือเป็นการขยับทัพครั้งใหญ่ของทางกลุ่มหลังจากที่เครือไทยซิน กรุ๊ปมีการวางแผนงานล่วงหน้าในการต่อยอดธุรกิจในนามทายาทเจเนอเรชั่น 3 เครือไทยซิน กรุ๊ป จากเดิมที่มีธุรกิจกลุ่มภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นมาหลายสิบปี มี Brand อะคิโยชิ 6 สาขาเป็นหลักและยังมีแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง แต่ยังขาดผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารสำเร็จรูป ซึ่งสามารถทำตลาดได้กว้างกว่า เข้าถึงลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เหมาะกับการค้าในยุคไร้พรมแดนอย่างยุค AEC  ซึ่งบริษัทได้วางนโยบายให้เครือไทยซิน กรุ๊ป ต้องเป็นเทรดดิ้งที่มี Dynamic และมี Flexibility สูงสามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะทางธุรกิจไร้พรมแดนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ไทยซินฯ ผนึก“สตาร์ แคนเนอรี่” ส่ง“ปาปี้” รุกตลาดปลากระป๋อง
ล่าสุดได้ตกลงความร่วมมือกับ บริษัท สตาร์ แคนเนอรี่ จำกัด ในการเป็นตัวแทนจำหน่าย ปลากระป๋องแบรนด์ “ปาปี้” โดยจะมีการทำตลาดผ่าน ห้างฯตั้งฮั่วเส็ง,แม็คโคร,ท็อป ซูเปอร์มาร์เก็ต,บิ๊กซี,เทสโก้ โลตัส,วิลล่ามาร์เก็ต,กูร์เมต์มาร์เก็ต และเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์  โดยที่ "ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ" และ "ปลาแมคเคอเรลในซอสมะเขือเทศ" ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 14 บาทต่อกระป๋อง และในเร็ว ๆ นี้จะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น รวมถึงขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ได้มีการเตรียมการนำเข้าและจำหน่ายที่ประเทศลาวเป็นประเทศแรก หลังจากนั้นจึงเริ่มนำเข้าจำหน่ายที่ประเทศเมียนมาร์และกัมพูชาเป็นลำดับถัดไป
ไทยซินฯ ผนึก“สตาร์ แคนเนอรี่” ส่ง“ปาปี้” รุกตลาดปลากระป๋อง

“การก้าวเข้าสู่ธุรกิจในกลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานในช่วงเวลานี้ จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะพาเครือไทยซิน กรุ๊ป ก้าวสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีผลิตภัณฑ์เรือธง (Flagship Product) ตัวแรกคือ อาหารกระป๋องแบรนด์ “ปาปี้” การทำตลาดตามแบบฉบับของผมนั้นความ "เร็ว" คือสิ่งสำคัญในการทำตลาด โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันยุค COVID-19 จากการที่เครือไทยซิน กรุ๊ป ได้มองเทรนด์ล่วงหน้าไว้ตั้งแต่สถานะการณ์การระบาดช่วงแรกๆ ทำให้เครือไทยซิน กรุ๊ป ได้รับผลกระทบน้อยมากๆ และสามารถปรับเปลี่ยนให้มีสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทันเวลา และตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และในไตรมาส 4 ปี2563 นี้ เครือไทยซิน กรุ๊ป จะมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารสำเร็จรูปอย่างผลไม้กระป๋องตามมาอีกแน่นอน"

ไทยซินฯ ผนึก“สตาร์ แคนเนอรี่” ส่ง“ปาปี้” รุกตลาดปลากระป๋อง
อย่างไรก็ตามการทำงานดังกล่าวเกิดขึ้นจากแนวความคิดที่ว่า 'หากทำอะไรด้วยใจรัก จะสามารถเปลี่ยนแปลงและเขย่าโลกได้' คล้ายกับที่มาของปลากระป๋องปาปี้ ที่จัดเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมแต่ราคามาตรฐานที่ทุกท่านเข้าถึงได้ และในปีนี้ประชาชนทั่วทั้งโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤติที่เกิดจากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้กระตุ้นยอดจำหน่ายอาหารกระป๋องโดยเฉพาะปลากระป๋องเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีก จากการคาดการณ์ตลาดปลากระป๋องจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น 6-8 เท่ากว่าช่วงเวลาปกติ  ด้วยคุณภาพและราคามั่นใจได้ว่าปลากระป๋อง 'ปาปี้' จะสามารถแข่งขันกับทุก ๆ แบรนด์ที่มีในตลาดได้อย่างแน่นอน
ไทยซินฯ ผนึก“สตาร์ แคนเนอรี่” ส่ง“ปาปี้” รุกตลาดปลากระป๋อง

ด้าน ดร.นพวัชร เจริญสินพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ แคนเนอรี่ จำกัด ได้กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า "บริษัท สตาร์ แคนเนอรี่ จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจเพื่อผลิตปี๊ปและกระป๋องเปล่าสำหรับบรรจุอาหารประเภทต่างๆ เช่น ปลา สับปะรด ผัก และ ผลไม้ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2552 บริษัทได้มีการขยายธุรกิจผลิตสับปะรดกระป๋องเพื่อการส่งออก และในปี 2559 มีการขยายธุรกิจเพิ่มเติมเป็นการผลิตปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน และ ปลาแมคเคอเรลบรรจุกระป๋อง เพื่อการส่งออกจนถึงปัจจุบัน บริษัทเล็งเห็นการเติบโตของตลาดปลากระป๋องในประเทศ และ กลุ่มประเทศCLMV บริษัทจึงได้เปิดตลาดปลากระป๋องในประเทศภายใต้แบรนด์ “ปาปี้” และ “ซุปเปอร์สตาร์” ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตอาหารกระป๋อง จึงได้มองหาพันธมิตรทางธุรกิจในการจัดจำหน่ายและทำการตลาด โดยในที่สุดบริษัทได้ตัดสินใจร่วมมือกับ บริษัท เอที คอสเมติก (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือไทยซิน กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ชำนาญการและมีประสบการณ์ในการจัดจำหน่ายและทำการตลาดในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านมามากกว่า 70 ปี"

"ในด้านการผลิตปลากระป๋อง ทางโรงงานได้ผ่านการรับรองระบบ GMP, HACCP, และ HALAL เราเน้นคุณภาพที่ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ และใส่ใจในทุกๆขั้นตอนของการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ จนได้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ส่งถึงมือผู้บริโภค ปกติแล้วปลากระป๋องจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อระดับ commercial sterilization ซึ่งหมายถึงการใช้ความร้อนสูงเพื่อทำลายจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสีย หรือ เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค โดยผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อในสภาวะดังกล่าวนี้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน 3 ปีในอุณหภูมิห้องโดยไม่เน่าเสีย ดังนั้นปลากระป๋องทุกชนิดจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่สารกันบูดหรือวัตถุกันเสีย"