นายณัฐชนน เพ็ชรทวีพรเดช ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสินค้านำเข้า บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายชุดว่ายน้ำแบรนด์ “สปีโด้” (Speedo) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาพรวมธุรกิจของประเทศ ทำให้เซ็นทรัล กรุ๊ป บริษัทแม่รวมถึงแบรนด์สปีโด้ หันมาให้ความสำคัญเรื่องสร้างความมั่นใจและเรียกความเชื่อมั่นในเรื่องความสะอาดของลูกค้ากลับมา บริษัทจึงสร้างแรงบันดาลใจ หากิจกรรมใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับแบรนด์ เพื่อให้เกิดคอมมิวนิตี้รวมไปถึงกิจกรรมคืนกำไรให้สังคมหรือ CSR เพื่อสร้างแบรนด์รอยัลตี้ให้กลับมาอีกครั้งภายหลังสถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติ
“ก่อนสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาด ซีอาร์ซี สปอร์ต สามารถทำยอดได้ตามเป้า แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น จึงได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก แต่ถือเป็นตัวกระตุ้นให้บริษัทได้ลองทำการตลาดทางช่องทางใหม่ๆ เช่น Facebook Live หรือ Chat&Shop ซึ่งได้ผลตอบรับค่อนข้างดีจากผู้บริโภค ส่งผลดีมาถึงหลังห้างเปิดจึงเกิดช่องทางใหม่ในการขายมากมาย ควบคู่ไปกับช่องทางเดิม เรียกว่าเป็น New Channel ซึ่งทำให้ยอดขายกลับมาเป็นปกติเร็วขึ้น”
โดยการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อตลาดชุดว่ายน้ำ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงไฮซีซั่นพอดี ตลาดจึงหดตัวลง 25-30% อย่างไรก็ดีแม้ว่า ห้างสรรพสินค้าจะไม่สามารถเปิดทำการได้ ต้องปิดสาขา แต่สปีโด้หันไปโฟกัสช่องทางออนไลน์แทน โดยจัดสรรสินค้าเพิ่มไปยังสต็อกฝั่งออนไลน์ และมั่นใจว่าจะสามารถฟื้นคืนกลับมาได้เกือบ 100% แน่นอน โดยนับจากนี้บริษัทยังมีแผนจะขยายจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทได้เริ่มเตรียมแผน ที่จะขยายและเติบโต ทั้งในกลุ่มนักกีฬาและโรงเรียนเพิ่มเติมอีกด้วย
ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวคอลเลคชันใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาดชุดว่ายน้ำในไทย ซึ่งถือเป็นคอลเลคชั่นที่นอกจากจะมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้นแล้ว ยังคงไว้ซึ่งมีเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ของสปีโด้ ทั้งเรื่องผ้าทอพิเศษที่ปกป้องผิวจากแสงแดด ขณะเดียวกันการปรับโครงสร้างราคาลดลง 10-15% ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตามประเมินว่าภาพรวมตลาดชุดว่ายน้ำในครึ่งปีหลัง จะกลับมาแข่งขันเข้มข้นเช่นเดิม จากนโยบายของรัฐบาลเรื่องสนับสนุนการท่องเที่ยวและการป้องกันไวรัสที่ค่อนข้างรัดกุม ขณะที่เทรนด์ชุดว่ายน้ำส่วนใหญ่เน้นสินค้าแฟชั่น ขณะที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ทั้ง International brand และ Local brand จะเน้นแข่งขันในเรื่องสินค้าแฟชั่นเป็นหลัก ที่สามารถรองรับพฤติกรรมผู้สวมใส่ในปัจุจบันที่เน้นใส่ถ่ายรูป ใช้แค่ 2-3 ครั้ง และมีจำนวนผู้มีคู่แข่งที่ลงมาเล่นตลาดเดียวกันมากขึ้น
“มองว่าแม้ครึ่งปีหลังภาครัฐจะมีการะตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาแต่ประเมินว่าไม่อาจทดแทนวิกฤติในครึ่งปีแรกได้ แต่หลังจากสถาน การณ์กลับมาเป็นปกติ คิดว่าน่าจะเติบโตขึ้นมากกว่าถ้าเทียบกับครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา”
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,585 วันที่ 21 - 24 มิถุนายน พ.ศ. 2563