ผลักดันโรงแรมเถื่อนเข้าระบบ โจทย์หิน นายก THA

10 เม.ย. 2559 | 11:00 น.
อัปเดตล่าสุด :11 เม.ย. 2559 | 14:23 น.
หลังจากทำงานร่วมกับนายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) มาหลายท่าน และถือเป็นบุคคลหลังบ้านที่ช่วยงานทีเอชเอ มาร่วม 15 ปี โดยเฉพาะการดูแลด้านมาร์เก็ตติ้ง ก่อนขยับมาเป็นอุปนายกสมาคม และล่าสุดหญิงเก่ง อย่าง "ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ" ก็พร้อมก้าวขึ้นเป็นนายกสมาคมโรงแรมไทยคนใหม่ ซึ่งเธอมีนโยบายในการทำงานอย่างไร อ่านได้จากบทสัมภาษณ์

 ชู 2 ภารกิจหลักสานงานต่อ

คุณศุภวรรณ เปิดใจถึงนโยบายในการทำงานว่า จะมี 2 เรื่องหลัก ที่เธอจะสานต่อนโยบายการทำงานของคณะกรรมการบริหารชุดเดิม ที่มี "สุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร" เป็นอดีตนายกทีเอชเอ ซึ่งยังทำค้างไว้อยู่ เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างต่อเนื่อง คือ 1.การผลักดันให้โรงแรมที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้อง ตามพ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 ให้หันมาเข้าสู่ระบบมากขึ้น และ 2.การศึกษาเรื่องดีมานด์และซัพพลายในธุรกิจโรงแรมของไทย เพื่อสะท้อนภาพการดำเนินธุรกิจโรงแรมในไทย โดยหวังว่ารัฐบาลจะนำไปสู่การแก้ปัญหาโอเวอร์ซัพพลายที่เกิดขึ้นในธุรกิจนี้ และทำให้เอกชนมีข้อมูลสำหรับการลงทุนในธุรกิจโรงแรมอย่างมีข้อมูลที่ชัดเจน

โดยในเรื่องนี้ทีเอชเอ คงต้องร่วมมือกับสถาบันการศึกษา รวมไปถึงภาครัฐ อย่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาด้วย เพื่อทำข้อมูลออกมาให้ได้ เพราะในขณะนี้ยังไม่มีใครทราบตัวเลขจริงๆ ว่าประเทศไทยมีโรงแรมกี่แห่ง และมีห้องพักที่ห้องกันแน่ เนื่องจากโรงแรมที่ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องก็ไม่ได้มีฐานข้อมูลในเรื่องนี้ ดังนั้นหากมีข้อมูลชัดเจนจะทำให้ทราบว่า ไทยมีปัญหาในเรื่องของโครงสร้างในธุรกิจนี้ที่ควรจะได้รับการแก้ไข

อย่างไรก็ตามทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นต้นตอ ทำให้เกิดการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงปัญหามาตรฐานบริการความปลอดภัยในการให้บริการ และปัญหาโอเวอร์ซัพลายในธุรกิจโรงแรมตามเมืองท่องเที่ยวหลักต่างๆ เพราะคนเห็นท่องเที่ยวดี ก็แห่กันมาลงทุน คอนโดเนียมขายได้น้อย ก็ปรับมาทำเป็นโรงแรม หรือแม้แต่ห้องแถวต่างๆ มีการรีโนเวต กลายเป็นโรงแรมสไตล์โฮสเทลขนาดเล็กๆ ที่มีการขยายตัวเป็นจำนวนมากตามตรอก ซอกซอยต่างๆ

สิ่งเหล่านี้หลายคนไม่ทราบว่าเป็นปัญหา โดยเฉพาะโรงแรมเถื่อน ซึ่งทีเอชเอ กังวลมากในเรื่องของมาตรฐานด้านความปลอดภัย เพราะคนที่เข้าสู่ระบบถูกต้อง จะต้องปฏิบัติตามพ.ร.บ.โรงแรม และต้องมีการตรวจสอบการทำงานอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งจุดนี้ถือเป็นการควบคุมมาตรฐานบริการและความปลอดภัยในธุรกิจโรงแรม ขณะที่โรงแรมเถื่อนจะไม่มีเรื่องเหล่านี้ เป็นตัวควบคุมมาตรฐาน

อีกทั้งยังส่งผลในแง่ที่ทำให้ประเทศชาติไม่ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะโรงแรมที่ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องไม่เพียงแต่จะเลี่ยงการจ่ายภาษีเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดปัญหาการตัดราคาค่าห้องพัก ดังนั้นแม้ในแต่ละปีประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามาก อย่างปีนี้คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะถึง 32 ล้านคน แต่ปัญหาคือรายได้ไม่ได้เติบโตสัมพันธ์กัน เพราะอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยในธุรกิจโรงแรมไทย ถือว่าติดอันดับ 3 ในสเกลต่ำที่สุดในอาเซียน ทั้งๆ ที่ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวโตสูงสุดเป็นอันดับ 1 ต่างจากประเทศสิงคโปร์ ที่แม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่า แต่อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยสูงมาก เทียบกับเมื่อปี 2557 อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมในไทยจะอยู่ที่ 130 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคืน ส่วนที่สิงคโปร์ จะอยู่ที่เฉลี่ย 280 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคืน

 ผลักดันรร.เถื่อนเข้าระบบ

ดังนั้นทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เธอตั้งเป้าสานต่อการทำงานที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการผลักดันให้โรงแรมที่ยังไม่ได้จดทะเบียน หันมาเข้าระบบให้ถูกต้อง ซึ่งเธอยอมรับว่าแม้จะไม่สามารถดึงทุกสถานประกอบการให้มาเข้าสู่ระบบที่จดทะเบียนถูกต้องได้ทั้งหมด แต่จะพยายามดึงเข้ามาให้ได้มากที่สุด โดยจะต้องเริ่มที่ภาคธุรกิจที่มีความพร้อมก่อน ซึ่งบางโรงแรม อาจผิดเงื่อนไขในบางส่วน เพียงแค่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ก็สามารถยื่นขอจดทะเบียนได้แล้ว

เนื่องจากที่ผ่านมามีความพยายามแก้ไขให้พ.ร.บ.โรงแรม มีความยืดหยุ่นเพื่อให้โรงแรมสามารถเข้ามายื่นขอจดทะเบียนได้ง่ายขึ้น อย่างสมัยก่อนจะมีข้อกำหนดในเรื่องของที่จอดรถ เรื่องของล็อบบี้ มีรายละเอียดในเรื่องที่อาจไม่ได้สำคัญมาก และไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัย แต่ปัจจุบันมีการแก้ไขพ.ร.บ.โรงแรม ให้มีความยืดหยุ่นขึ้น ตรงนี้ทางทีเอชเอ จะเร่งประชาสัมพันธ์ เพื่อจูงใจให้โรงแรมเหล่านี้เข้าสู่ระบบมากขึ้น ควบคู่ไปกับโครงการต่างๆของรัฐบาลที่เกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดหย่อนภาษี หรือโครงการด้านการตลาดของหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว ที่จะเปิดให้เฉพาะสถานประกอบการที่จดทะเบียนถูกต้อง สิ่งเหล่านี้ก็หวังว่าจะช่วยดึงให้โรงแรมมาดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องได้ในระดับหนึ่ง

เธอย้ำว่า ปัจจุบันโรงแรมในประเทศไทยที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเพียง 3 แสนห้องทั่วประเทศไทยเท่านั้น ขณะที่จากข้อมูลเบื้องต้นที่ทีเอชเอ เคยทำสำรวจไว้โดยใช้ข้อมูลโรงแรมที่มีการขายผ่านเว็บไซต์ท่าต่างๆ หรือ Portal Site อาทิ Agoda.com จะเห็นว่าในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ จะมีโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องในแต่ละเมืองไม่เกิน 35% เท่านั้น อีก 65% ที่มีการขายในเว็บไซต์ท่าต่างๆ ล้วนเป็นโรงแรมที่ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย

 ร้องรัฐใช้เฉพาะรร.ถูกกฎหมาย

นอกจากนี้เธอยังมองว่า อีก 1 เรื่องที่จะช่วยดึงดูดให้โรงแรมที่ไม่ถูกต้องหันมาเข้าระบบได้ คือ อยากให้การจัดประชุมสัมมนาในประเทศของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ ต้องใช้โรงแรมหรือที่พักที่มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจ จึงจะสามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายกับทางกระทรวงการคลังได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางทีเอชเอ ได้นำเสนอมาหลายเวทีในการประชุมร่วมกับภาครัฐ และอยากเห็นรัฐบาลนำข้อเสนอนี้มาพิจารณา

อีกประเด็นที่เธอมองคือ การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคโรงแรม ที่พอทำงานไปสักระยะมักจะถูกซื้อตัวไปทำงานในภาคธุรกิจอื่น ซึ่งทีเอชเอ จะพยายามทำเอ็มโอยูกับสถาบันการศึกษาต่างๆ ให้เพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง เพื่อดึงแรงงานเข้ามาในภาคนี้เพิ่มขึ้น

รวมทั้งทีเอชเอ จะยังคงร่วมมือในเรื่องของประชารัฐ เพื่อส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยเฉพาะในเรื่องของการส่งเสริมอาหารไทยและผลไม้ไทย

ขณะเดียวกันทีเอชเอ ยังได้ทำโครงการร่วมกับหอการค้าไทย ในเรื่องของการรณรงค์ในภาคธุรกิจโรงแรม เพื่อช่วยลดผลกระทบเรื่องภัยแล้ง โดยมีการประสานไปยังสมาชิกทีเอชเอกว่า 800 โรงแรม เพื่อส่วนกันประหยัดน้ำ เช่น การนำน้ำที่เหลือจากการประชุม-สัมมนา มาใช้รดน้ำต้นไม้ การซักผ้าหรือล้างจาน ผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่จะซักเมื่อเต็มโหลดการซักล้าง เป็นต้น

ทั้งหมดล้วนเป็นนโยบายการทำงานของนายกทีเอชเอคนใหม่ ที่จะเกิดขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,146 วันที่ 7 - 9 เมษายน พ.ศ. 2559