เร่งแก้ปัญหาโดรนป่วนสนามบินสุวรรณภูมิ วางแผนติดตั้งระบบ Anti-Drone

22 ธ.ค. 2568 | 06:16 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ธ.ค. 2568 | 06:23 น.

เร่งแก้ปัญหาโดรนป่วนสนามบินสุวรรณภูมิ สมช. สั่งติดตั้งระบบ Anti-Drone ระยะยาว พร้อมสนธิกำลังเข้มงวดรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กระทบธุรกิจการบิน

วันนี้ (วันที่ 22 ธันวาคม 2568) พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร  ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท. เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากกรณีที่มีรายงานการพบโดรนบินเข้ามารบกวนพื้นที่โดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิอย่างต่อเนื่อง

ทั้งๆที่พื้นที่ภายในระยะ 9 กิโลเมตร (5 ไมล์ทะเล) จากสนามบินเป็นพื้นที่เขตห้ามบินโดรน (Drone, UAV) เว้นแต่ได้รับอนุญาต ผู้ที่ฝ่าฝืนจะต้องถูกจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งวางมาตรการแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดของท่าอากาศยานหลักของประเทศ จากการตรวจสอบพบว่า มีกลุ่มโดรนเริ่มเข้ามาบินวนเวียนอยู่บริเวณรอบสนามบินสุวรรณภูมิมาตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา แม้จะมีรายงานจำนวนโดรนเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่ามีโดรนจริงไม่เกิน 10 ลำ ซึ่งการที่รายงานระบุจำนวนสูงกว่านั้นอาจเกิดจากการนับซ้ำของผู้พบเห็นในหลายจุด

นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าโดรนเหล่านี้อาจเป็นโดรนที่สร้างขึ้นเองหรือถูกดัดแปลง เนื่องจากโดรนปกติจากโรงงานมักจะมีระบบล็อกพิกัด (Geofencing) ที่ทำให้ไม่สามารถบินเข้าเขตสนามบินได้ โดยกลุ่มผู้กระทำผิดมักเลือกช่วงเวลาดึกในการก่อเหตุเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจพบในเวลากลางวัน

มาตรการแก้ไขระยะสั้น: เน้นการเฝ้าระวังและใช้กำลังเจ้าหน้าที่ ในระหว่างที่ยังไม่มีระบบอัตโนมัติ ทางผู้อำนวยการท่าอากาศยานได้ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงและตำรวจเพื่อดำเนินมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด ดังนี้:

การวางกำลังเจ้าหน้าที่: มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่โดยรอบสนามบินเพื่อรักษาความปลอดภัยและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

การหาข่าวและตรวจตรา: หน่วยงานความมั่นคงได้เร่งหาข่าวและเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้มีการรุกล้ำเข้ามาเพิ่ม

การติดตามตัวผู้กระทำผิด: ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการสืบสวนเพื่อจับกุมเจ้าของโดรนดังกล่าว ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถหาตัวพบในไม่ช้า

การดูแลการบิน: ในส่วนของผลกระทบต่อสายการบินนั้น ทางวิทยุการบินฯ ได้มีการมอนิเตอร์สถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติการบิน

มาตรการแก้ไขระยะยาว:  ผมได้เสนอให้มีการจัดซื้อระบบ Anti-Drone ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้มีมติให้สนามบินสุวรรณภูมิเร่งจัดหาระบบ Anti-Drone โดยเร็วที่สุด ซึ่งเป็นมาตรการที่เคยมีการเสนอมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีการยกตัวอย่างสนามบินดอนเมืองที่มีระบบดังกล่าวครอบคลุมอยู่แล้วจากการสนับสนุนของกองทัพ

ในที่ประชุมยังได้มีการหารือเพื่อปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมายที่เคยมองว่าอุปกรณ์ Anti-Drone เป็นยุทธภัณฑ์ที่ไม่สามารถครอบครองได้โดยง่าย โดยมีการเปรียบเทียบว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสุวรรณภูมิยังมีปืน M16 ซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ได้ ดังนั้นการมีระบบ Anti-Drone เพื่อความปลอดภัยของสนามบินจึงเป็นเรื่องที่ควรดำเนินการได้หากมีการแจ้งขอใช้งานอย่างถูกต้อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนแล้ว

ความจำเป็นของเทคโนโลยี ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการใช้กำลังคนเฝ้าระวังเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว เนื่องจากไม่สามารถตรวจตราได้ครอบคลุมและต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยที่สมบูรณ์

เปรียบเทียบได้ว่า การใช้กำลังเจ้าหน้าที่เดินตรวจตราเหมือนการใช้ยามเดินถือไฟฉายส่องรอบบ้าน ซึ่งอาจมีจุดบอดและเหนื่อยล้าได้ แต่การติดตั้งระบบ Anti-Drone เปรียบเสมือนการติดตั้งระบบเซนเซอร์และกล้องวงจรปิดอัจฉียบที่ทำงานได้แม่นยำและตลอดเวลาโดยไม่มีวันหยุดพัก เพื่อให้มั่นใจว่ารั้วของสนามบินจะไม่มีช่องโหว่ให้ใครรุกล้ำเข้ามาได้อีก

ขณะเดียวกันในวันนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. หรือ AOT มีกำหนดการประชุมร่วมกับสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและหน่วยงานด้านความมั่นคง ในประเด็นแผนเผชิญเหตุและมาตรการป้องกันอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าโดรนสุวรรณภูมิในครั้งนี้ เป็นโดรนเกษตร ซึ่งจะมีการแถลงข่าวในเวลา 15.00 น.