สยามเฮลท์ กรุ๊ป  ชู Planet Marketing  สู้ไวรัส-ดิจิทัล ดิสรัปต์

13 มี.ค. 2563 | 01:39 น.

วิกฤติโควิด-19 - ดิจิทัล ดิสรัปชัน “สยามเฮลท์ กรุ๊ป” ฮึดสู้งัดกลยุทธ์ Planet Marketing กระตุ้นการรับรู้แบรนด์ พร้อมเร่งพัฒนาสินค้า ขยายช่องทางขาย กลยุทธ์ตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เจาะฐานลูกค้าใหม่ หวังดันยอดขายโต 15%

ภก.ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากเดนทิสเต้” (Dentiste) และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสมูท-อี” (Smooth-E) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังวิกฤติหนัก เจอปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสมรภูมิการตลาดในโลกยุค Digital disruption การเจาะตลาดกลุ่มคน Gen Y หรือ Gen Z หรือคนอายุตํ่ากว่า 30 ปี ต้องใช้กลยุทธ์แตกต่างจากยุค 10 ปีที่แล้ว ซึ่งการตลาดแบบ 4P ไม่เพียงพอ ต้องมีอีก 3P ซึ่งมีอิทธิพลมากขึ้นทุกวัน คือ People, Profit และ Planet เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและขยายความรับผิดชอบให้เกิดสมดุลของโลกธุรกิจ ทั้งผลกำไรผู้คน และโลกใบนี้

ทั้งนี้บริษัทได้ศึกษาและตัดสินใจใช้กลยุทธ์การตลาดแนวใหม่ Planet Marketing กระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับประเด็นในสังคมที่หลายคนอาจมองข้าม พร้อมแชร์ต่อ โดยไม่จำเป็นต้องใช้การส่งเสริมการขายที่มีต้นทุนสูง ถือเป็นการเปลี่ยนโลกทัศน์การทำตลาด ทั้งในระดับรีจินัลและโกลบัล ที่สำคัญ Planet Marketing ไม่ใช่แค่การเพิ่มยอดขาย แต่ยังรวมถึงการทำประโยชน์เพื่อสังคม เช่น การหยิบยกประเด็นปัญหาที่ผู้หญิงถูกทำร้าย เป็นต้น

สยามเฮลท์ กรุ๊ป  ชู Planet Marketing  สู้ไวรัส-ดิจิทัล ดิสรัปต์

ภก.ดร.แสงสุข พิทยานุกุล

 

 

 

 

นอกจากนี้ยังจะให้ความสำคัญกับการเร่งขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่และใช้การตลาดรูปแบบใหม่ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์เพื่อรุกฐานผู้บริโภคกลุ่มใหม่ รวมทั้งเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของแบรนด์เดนทิสเต้ ที่กำลังมีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจ้างเอเยนซีแบรนด์ระดับโลกที่เคยวางแผนให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ โดยล่าสุดสินค้ากลุ่มแบรนด์เดนทิสเต้สามารถเจาะตลาด 25 ประเทศ และมีแนวโน้มเติบโตชัดเจน ในญี่ปุ่น เกาหลี

เราได้เร่งกระจายสินค้า ทั้ง Dentiste’ Mouth Spray Extra Fresh และ Smooth-E Cleansing oil with serum ในช่องทางต่างๆอย่างครอบคลุม ทั้งกลุ่มร้านขายยา โดยเฉพาะร้านขาย P&F ของสยามเฮลธ์กรุ๊ปทั้ง 70 สาขาทั่วประเทศและร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำ เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการและกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

อย่างไรก็ตามสำหรับผลประกอบการในปีที่ผ่านมาบริษัทยังสามารถประคองรายได้และผลกำไร อัตราเติบโต 15% ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจและภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังชะลอตัว ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญ ทำให้บริษัทกลับมาทำการตลาดแบบ Segmentation, Mixed Marketing และการทำ Emotional Marketing เพื่อตอกยํ้าภาพลักษณ์ของการเป็นสินค้ากลุ่มยาเพื่อสุขภาพ เน้นการสร้าง Healthy relationship ภายใต้วิสัยทัศน์สำคัญ คือ การเป็นบริษัทชั้นนำด้านสินค้าสุขภาพและความงามระดับโลก โดยมั่นใจว่าจากการทำเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับภาพรวมของสยามเฮลท์ กรุ๊ป จะมีอัตราเติบโตไม่ตํ่ากว่า 15%

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,556 วันที่ 12-14 มีนาคม 2563