โครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้ปิดตัวลงในปี 2554 มีการทุจริตในขั้นตอนต่าง ๆ มากมายของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โครงการประสบปัญหาไม่มีเงินมาจ่ายให้กับชาวนาและค้างค่าจัดเก็บในโกดังกลาง(รัฐบาลภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติต้องมาตามแก้ปัญหาในเวลาต่อมา) ซึ่งมี องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บข้าว ซึ่งหลังจากไม่มีโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ทำให้อคส.ต้องหันมาสร้างรายได้เองเพื่อเลี้ยงองค์กรมากขึ้น โดยเฉพาะการนำคลังสินค้าและพื้นที่ที่มีศักยภาพของ อคส.มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์
พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่คลังธนบุรีว่าปัจจุบันอยู่ระหว่างการสอบถามความชัดเจนไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ถึงกรณีความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) นั้นขัดกับพระราชบัญญัติการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 หรือใหม่ ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่ประกาศและมีผลบังคับใช้ ดังนั้น อคส. ต้องยื่นสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาประเด็นดังกล่าวว่าขัดกับข้อกฎหมายหรือไม่ก่อน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะ เกิดขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ
เบื้องต้นระหว่างรอการพิจารณาเพื่อให้เกิดความชัดเจน อคส. อาจจะเปิดให้เช่าพื้นที่ หรือทำตลาด ในลักษณะสัญญาระยะสั้น ไม่เกิน 3 ปี เพื่อก่อให้เกิดรายได้ส่วนคลังในพื้นที่ต่างจังหวัดที่เป็นของ อคส. เช่น ขอนแก่น สระบุรี นครสวรรค์ นครราชสีมา เป็นต้น เบื้องต้นกำลังทำการศึกษาว่าจะสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง จากเดิมให้เช่าพื้นที่เก็บพืชผลเกษตรและปุ๋ย เช่น อาจเปิดเป็นตลาดนัด เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
“พื้นที่ว่าง 3 ไร่ หน้าคลังสินค้าธนบุรีอคส.มีแผนจะเชิญชวนเจ้าของตลาดสุวรรณเกลียวทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาลงทุนทำตลาดขายสินค้า ตลาดสด เพราะปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวมีรายได้ 50-60 ล้านบาท ซึ่งเป้าหมายต้องการ 100 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จะเปิดเป็นตลาดจำหน่ายสินค้าให้กับประชาชน รวมถึงแผนปรับปรุงคลังสินค้าราษฎร์บูรณะ พื้นที่ประมาณ 20 ไร่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากเดิมที่อคส.ทำเป็นห้องเย็นอยู่แล้วและได้ค่าเช่า 40 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้การปรับปรุงคลังดังกล่าวจะช่วยให้เอกชนที่สนใจนำสินค้าที่มีมูลค่าสูงมาจัดเก็บ น่าจะทำให้อคส.มีรายได้เพิ่มเป็นเท่าตัว”
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,542 วันที่ 23-25 มกราคม 2563