เอสิคซ์รีอิมเมจ “โอนิซึกะ ไทเกอร์” สู่ไลฟ์สไตล์แฟชั่นแบรนด์ สู้ศึกฟาสต์แฟชั่นไทยโตแรง ชู 3 ยุทธศาสตร์ “เทคโนโลยี-ดิจิทัลแพลตฟอร์ม-รันนิ่ง” ดันยอดแบรนด์เอสิคซ์โตเทียบชั้นจีน
นายวโรดม พรานบุญปลูก ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสิคซ์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวทางการทำตลาดทั้ง 2 แบรนด์ในเครืออย่าง เอสิคซ์ และโอนิซึกะไทเกอร์ จะแบ่งนโยบายการทำตลาดออกจากกันโดยชัดเจน โดยแบรนด์เอสิคซ์ จะโฟกัสการทำตลาดในส่วนของมืออาชีพ (เพอร์ฟอร์แมนซ์) ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาด โดยล่าสุดได้เข้าไปเป็นผู้สนับสนุนกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นการสื่อสารและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่แบรนด์ ก่อนจะเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ที่เกี่ยวข้องกับโอลิมปิก 2020 ในปีหน้า ในชื่อเรโทร โตเกียว และ โมเดิร์นโตเกียว
ขณะที่แบรนด์โอนิซึกะ ไทเกอร์นับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการรุกเข้าสู่ตลาดสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่แบรนด์รองเท้า หากยังหมายถึงแบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นที่มีสินค้าหลากหลายที่ไม่ใช่เพียงแบรนด์รองเท้า โดยจะปรับสัดส่วนการวางจำหน่ายสินค้าในร้านให้เพิ่มสินค้าในกลุ่มเสื้อผ้า เครื่องประดับเป็น 50% และรองเท้า 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า จากปัจุจบันที่มีสัดส่วนสินค้าในกลุ่มรองเท้าอยู่ที่ 80% และเสื้อผ้า เครื่องประดับ 80%
“เมื่อพูดถึงสปอร์ตแบรนด์ แน่นอนว่าเราไม่ได้หมายถึงการแข่งขันในตลาดสนีกเกอร์ที่มีผู้เล่นหลักเป็นแบรนด์ระดับโลกมากมาย หากแต่เราหมายถึงการเข้าไปแข่งขันกับแบรนด์แฟชั่น หรือฟาสส์แฟชั่นที่มีการเติบโตร้อนแรงอยู่ตลอดเวลาในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น ZARA, H&M เป็นต้น โดยแผนงานสำหรับโอนิซึกะ ไทเกอร์นับจากนี้จะเป็นการปรับภาพแบรนด์สู่ความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ที่มีสินค้าหลากหลายทั้งรองเท้า เสื้อผ้า เครื่องประดับ เพื่อรับเทรนด์ตลาดแฟชั่นเมืองไทยที่เติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”
ด้านนายยาสุฮิโตะ ฮิโรตะ ประธานบริการและประธานฝ่ายปฏิบัติการ ASICS (เอสิคซ์) กล่าวว่า นโยบายการดำเนินงานในปีหน้า บริษัทจะให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ทางการตลาด 3 ส่วนได้แก่ 1.การนำเทคโนโลยี และอินโนเวชันเข้ามาพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาด 2. การทำดิจิทัลแพลตฟอร์มรูปแบบต่างๆ เข้ามาใช้ในการขยายฐานลูกค้า โดยปีหน้าบริษัทมีแผนในการนำกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ O2O เข้ามาเชื่อมการตลาดแบบไร้รอยต่อมากขึ้น หลังจากที่มีการนำร่องแล้วในปีนี้ และ 3. การโฟกัสสินค้าในกลุ่มรองเท้าวิ่ง (Running) ในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ผ่านการเข้าสนับสนุนงานวิ่งมาราธอนรูปแบบต่างๆ
“เป้าหมายในการเข้าสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์มหรือการเข้าทำการตลาดแบบ O2O อย่างจริงจัง คือการเพิ่มสัดส่วนยอดขายที่มาจากช่องทางอี-คอมเมิร์ซให้ได้ 40% เทียบเท่ากับประเทศจีน ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน เบื้องต้นเราจึงวางยอดขายที่มาจากช่องทางอี-คอมเมิร์ซในไทยให้ได้ 10% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า”
ทั้งนี้ในส่วนของ เอสิคซ์ในภูมิภาคอาเซียนในปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขาย 5% จากสัดส่วนยอดขายทั่วโลก โดย 3-5 ปีข้างหน้าวางเป้าหมายสัดส่วนยอดขายเพิ่มเป็น 10% และมีตลาดหลักได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันภาพรวมตลาดเสื้อผ้าและรองเท้ากีฬาในไทยมีมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,000 ล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3517 ระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคม 2562