กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศในช่วงวันที่ 17-19 ต.ค.2562 บริเวณภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลางบริเวณอ่าวไทยตอนบน ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ขึ้นมามีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไปมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน เผยว่า เตรียมรับมือฤดูฝนภาคใต้ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนกำหนดพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย 89 จุด 16 จังหวัด รวมทั้งการเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อการช่วยเหลือกรณีเกิดอุทกภัย ซึ่งคาดว่าแนวทางทั้งหมดจะสามารถช่วยเหลือและบรรเทาอุทกภัยให้กับประชาชน
ทั้งนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจและติดตามความคืบหน้าของแต่ละโครงการก่อสร้างบรรเทาอุทกภัยในภาคใต้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างหลายโครงการ เพื่อให้สามารถเป็นเครื่องมือบริหารจัดการน้ำได้ โดยเฉพาะโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ฯ (ระยะที่ 2) ซึ่งเป็นการขุดขยายคลอง ร.1 ให้มีศักยภาพการระบายน้ำจากเดิมที่ระบายน้ำได้ในอัตรา 465 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวินาที เป็น 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี2563
“ได้สั่งการให้สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 11 สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ให้ดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางและขุดลอกกองดินในคลอง ร. 1 ทั้งหมด เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้ในอัตรา 1,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งหากว่าเกิดฝนในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ติดต่อกัน 3 วัน ปริมาณฝนสะสมไม่เกิน 400 มิลลิเมตร จะสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งการให้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำปลายคลอง ร.1 เพื่อช่วยเร่งสูบน้ำออก ลดผลกระทบให้กับราษฎรในพื้นที่”
นายประพิศ กล่าวว่า สำหรับโครงการบริหารจัดการน้ำคาบสมุทรสทิงพระ ได้มีการขุดลอกคลองขุดขยายคลอง ในเขตพื้นที่โครงการเพื่อช่วยเร่งระบายน้ำจากทะเลสาบสงขลาออกสู่ทะเลฝั่งอ่าวไทยให้เร็วที่สุด โดยคลองศาลาหลวงสามารถระบายน้ำได้อัตรา 30 ลบ.ม.ต่อวินาที คลองโคกทอง- หัวคลอง ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลระโนด ได้มีการก่อสร้างบ็อกคัลเวิร์ท (Box Culvert) 4 แถว สามารถระบายน้ำได้อัตรา 35 ลบ.ม.ต่อวินาที และมีการติดตั้งสะพานเบลีย์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
ขณะนี้ทั้ง 2 จุดดำเนินการแล้วเสร็จ ส่วนปตร.ท่าเข็นซึ่งตั้งอยู่ปลายคลองแดนขณะนี้ โครงการเสร็จแล้วสามารถระบายน้ำ 120 ลบ.ม. ต่อวินาที รวมแล้วสามารถช่วยเร่งระบายน้ำจากทะเลสาบสงขลาออกทะเลฝั่งอ่าวไทยได้เพิ่มขึ้นประมาณ 185 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที “ นายประพิศกล่าว