บำรุงราษฎร์ ชู  Medical technology ปฏิวัติวงการแพทย์  

03 ต.ค. 2562 | 10:12 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

“บำรุงราษฎร์” รุกสร้างความแตกต่างด้านนวัตกรรม ชู Medical technology ปฏิวัติการดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่สู่โลกอนาคต ตั้งเป้าขึ้นผู้นำด้านบริบาลสุขภาพแบบองค์รวมระดับโลกใน 3 ปี

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า เป้าหมายในปี 2565 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ต้องการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวสู่โรงพยาบาลด้านการให้บริบาลสุขภาพแบบองค์รวมระดับโลก (World-class Holistic Healthcare) อย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นเลิศทางการรักษาขั้นตติยภูมิที่สร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม ซึ่งมีอยู่หลายองค์ประกอบที่ผู้นำองค์กรจะต้องกล้าคิด กล้าริเริ่ม กล้าทดลองเพื่อจะเรียนรู้ และตัดสินใจลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ในอุตสาหกรรม Healthcare ซึ่งมีความท้าทายอย่างมาก ที่ผ่านมาบำรุงราษฎร์ได้ปรับโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ไอทีต่างๆ เพื่อให้สามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆในอนาคต

บำรุงราษฎร์ ชู  Medical technology  ปฏิวัติวงการแพทย์  

                              ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์

สำหรับปีนี้ บำรุงราษฎร์ได้กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นเรื่อง Excellence Management ซึ่งมี 3 องค์ประกอบหลักๆ ประกอบด้วย 1. Clinical Excellence: ความชำนาญการและประสบการณ์ของแพทย์ถือเป็นหัวใจสำคัญ รวมถึงการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ Excellence Center ต่างๆ โดยเฉพาะสหสาขาวิชาชีพในการรักษาขั้นตติยภูมิ เพื่อให้สามารถดูแลรักษาโรคเฉพาะทางได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การป้องกัน การวินิจฉัยในระยะเริ่มต้น การรักษา ตลอดจนถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพ

 

2. Operational & People Excellence: มุ่งเน้นการดูแลบุคลากร มีเป้าหมายใน 3 ด้าน คือ มีความสุข มีอนาคต และเก่งขึ้น 3. Service Excellence: โรงพยาบาลยึดหลักการดูแลเอาใจใส่แบบวิถีแห่งบำรุงราษฎร์ รวมถึง มีการพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาการเข้าถึงของผู้มาใช้บริการให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น Bumrungrad Anywhere ซึ่งเป็นการให้บริการในรูปแบบโทรเวชกรรม หรือเทเลเมดิซีน โดยผู้รับบริการสามารถปรึกษาแพทย์ส่วนตัวได้ง่ายๆ ผ่านสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต แบบเรียลไทม์ โดยแพทย์สามารถวินิจฉัยอาการเบื้องต้น รวมทั้งแนะนำแนวทางการรักษา และข้อมูลสุขภาพต่างๆ  เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเล็กน้อย ไม่รุนแรง ผู้ป่วยที่ต้องการรับวัคซีน หรือรับยาประจำเพิ่ม เป็นต้น

บำรุงราษฎร์ ชู  Medical technology  ปฏิวัติวงการแพทย์  

 ด้านดร. ธีรเดช เวียงธีรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ในช่วง 3 - 5 ปีที่ผ่านมา บำรุงราษฎร์ได้มีการศึกษาวิจัยและนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง (Advanced Medical Technology) มาปรับใช้ในองค์กรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง โดยโรงพยาบาลได้นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับประยุกต์ใช้หลายส่วนด้วยกัน ทั้งในเรื่องการนำระบบซอฟต์แวร์ Hospital Information System (HIS) เข้ามาปรับใช้ในโรงพยาบาลเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลอย่างเป็นระบบ การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อมูลมีความแม่นยำและถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัย และสามารถเรียกใช้งานแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ยังมีการนำนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ทางการแพทย์ในหลากหลายรูปแบบ แบ่งเป็น 5 กลุ่ม อาทิ AI/Big Data, Genomics, Robotics, Scientific Wellness และ Telemedicine เป็นต้น”

นอกจากนี้ บำรุงราษฎร์นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดระบบดาวินซีเข้ามาช่วยศัลยแพทย์ในการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยหลายระบบอวัยวะ อาทิ โรคระบบทางเดินอาหาร, โรคระบบตับ , โรคระบบทางเดินปัสสาวะ, โรคทางระบบหายใจและทรวงอก เป็นต้น ซึ่งมักจะร่วมใช้ในกระบวนการผ่าตัดที่มีความสลับซับซ้อนหรืออยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงยากทำได้อย่างแม่นยำ

บำรุงราษฎร์ ชู  Medical technology  ปฏิวัติวงการแพทย์  

                                     ดร. ธีรเดช เวียงธีรวัฒน์

 “การที่ได้นำนวัตกรรมมาปรับใช้ในองค์กรและในวันนี้ถือว่าเกิดประสิทธิผลต่อการรักษาผู้ป่วยอย่างมาก ก็คือ ระบบคอมพิวเตอร์ “ไอบีเอ็มวัตสัน” ที่ช่วยในการประมวลผลเพื่อให้แพทย์ตัดสินใจวางแผนการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง (IBM Watson for Oncology) โดยบำรุงราษฎร์ได้พัฒนาความก้าวหน้าของศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับรักษาโรคมะเร็งแบบเฉพาะบุคคล (Precision Medicine) ช่วยทำให้แพทย์สามารถตัดสินใจกำหนดแผนและวิธีการรักษาที่เหมาะสมยิ่งขึ้นโดยพิจารณาเป็นรายบุคคล โดยในปัจจุบันสามารถรักษาครอบคลุมมะเร็งได้ถึง 13 ชนิด และอีกเทคโนโลยีคือ ซีบรา เอไอ (Zebra AI) เป็น AI ที่ใช้ร่วมกับ CT Scan เพิ่มความแม่นยำในการอ่านข้อมูลทางด้านรังสีรักษา และสามารถตรวจได้ถึง 4 โรคได้ในครั้งเดียวกัน ประกอบด้วยโรคถุงลมโป่งพอง เลือดออกในสมอง ไขมันพอกตับ และภาวะกระดูกแตก ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรคให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก”