ชี้เทรนด์อาหารญี่ปุ่นยังแรง “คัตสึยะ” นำโด่งโตกว่า 50% ขึ้นแท่นเบอร์ 1 กลุ่มธุรกิจร้านอาหารเครือเซ็นทรัล ประกาศทุ่ม 50-60 ล้านปูพรมขยาย 10 สาขาทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มบริการดีลิเวอรีและแอพพลิเคชันใหม่ FOODHUNT
นางสาวสิริพร ธานินทร์ธราธาร ผู้อำนวยการอาวุโส แบรนด์ คัตสึยะ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี ผู้บริหารร้านอาหารในกลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นคัตสึยะ ประสบความสำเร็จอย่างมากโดยพบว่าในปีที่ผ่านมามีการเติบโตกว่า 50% สูงเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นของกลุ่มเซ็นทรัล และคาดว่าในปีนี้จะมีการเติบโตไม่ตํ่ากว่า 50% เช่นกันโดยเป็นการเติบโตจากร้านสาขาเดิมและร้านที่เปิดใหม่ ซึ่งจะขยายสาขาเพิ่มอีก 10 แห่งทั่วประเทศด้วยงบลงทุน 50-60 ล้านบาท
สิริพร ธานินทร์ธราธาร
“ปีนี้จะมุ่งขยายสาขาทั้งในเขตเมืองและชานเมือง เช่น เชียงใหม่ สมุทรปราการ ฯลฯ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยชูจุดเด่นเรื่องของบริการที่ครบ (Full service) เมนูอาหารที่หลากหลายทั้ง 9 หมวด อาทิ คัตสึด้ง ข้าวหน้าหมูทอดสไตล์ญี่ปุ่น, คัตสึปาร์ตี้, ข้าวแกงกะหรี่, Heakrhy Salad, Sise Dish เมนูทานเล่นมี
ทั้ง ฟรายด์ โปเตโต, เกี๊ยวซ่า,ไก่คาราเกะ, ชีสซี่ สติ๊ก, Desserts และเครื่องดื่ม ฯลฯ รวมถึงราคาที่ตํ่ากว่าแบรนด์ชั้นนำทั่วไป 50% ในราคาเริ่มต้น 99-129 บาท”
ด้านกลยุทธ์การทำตลาดบริษัทใช้งบทำกิจกรรมโฆษณาและส่งเสริมการขายราว 10% ของยอดขายรวม โดยในปีนี้จะเน้นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาเมนูใหม่ออกวางตลาดทุกๆ 2 เดือน เพื่อเพิ่มความหลากหลายและเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบเมนูใหม่ๆ พร้อมขยายสาขาในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น ออฟฟิศ บิลดิ้ง, โรงพยาบาล ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแผนเพิ่มบริการดีลิเวอรีให้มากขึ้นจากปัจจุบันที่ให้บริการผ่านแกร็บฟู้ด และผู้ให้บริการฟู้ดดีลิเวอรีอื่นๆ โดยตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายจากดีลิเวอรีเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากเดิมที่มีสัดส่วน 3% โดยในปีนี้คาดว่าจะมีสาขารวม 35 สาขาจากปัจจุบันที่มีอยู่ 28 สาขา และตั้งเป้าหมายที่จะมีสาขาเพิ่มเป็น 80 แห่งภายใน 3-5 ปีข้างหน้าหลังจากที่มีแผนเข้าเปิดให้บริการในเทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี ด้วย
ขณะที่ในปีนี้บริษัทมีแผนขยายร้านอาหารญี่ปุ่นเทนยะเพิ่มขึ้นอีก 5 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 11 สาขา ร้านชาบูตง ราเมนอีก 3 สาขาจากปัจจุบันมีอยู่ 19 สาขา ร้านโยชิโนยะอีก 3 สาขาจากปัจจุบันที่มีอยู่ 21 สาขา นอกจากนี้ยังมีแผนขยายสาขาไปเปิดให้บริการในต่างประเทศที่เวียดนามและมาเลเซียในปีนี้ด้วย
นางสาวสิริพร กล่าวอีกว่า ภาพรวมกำลังซื้อในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาพบว่า ยังมีการเติบโตเห็นได้จากยอดขายที่เติบโตเพิ่มขึ้น 10% ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นโดยรวมมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 10%
ด้านนายปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายการตลาด กล่าวว่า จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เน้นความสะดวกสบาย และการพัฒนาโครงข่ายด้านการขนส่ง ตลาดดีลิเวอรีมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดบริการสั่งอาหารออนไลน์ทั้งเชนร้านอาหาร และร้านอาหารทั่วไปเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักทุกปี ทำให้ซีอาร์จีเพิ่มความ สำคัญในช่องทางดีลิเวอรี โดยทำงานร่วมกับ key food aggregator ต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางนำเสนอสินค้าสู่ผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนาโมเดลธุรกิจดีลิเวอรีแบบใหม่ และการพัฒนา delivery platform ของตนเอง จึงเป็นที่มาของแอพ พลิเคชัน “FOODHUNT” ที่ผู้ใช้งานสามารถสั่งอาหารจากกี่ร้านก็ได้ในออร์เดอร์เดียว
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3476 ระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายน 2562