พาณิชย์ตีฆ้องแจ้งประกาศข่าวให้ชาวสวนปาล์มประจวบฯและจังหวัดใกล้เคียงทราบด่วน! เผยโรงงาน 8 แห่งหยุดสงกรานต์แต่ละช่วงไม่เท่ากัน แต่ยังมี “ณภัทรออยล์” ยังรับซื้อปกติ ขณะที่ “ปาล์มชุมพร”ปากกัดตีนถีบดิ้นสู้ก่อนที่อียูจะประกาศเลิกใช้ปาล์มเดือน ม.ค.ปี 63-อินเดียขึ้นภาษีนำเข้าปาล์มกลั่น 20% ชงรัฐเปิดเสรีบี 100 ใช้ทั่วไทย คุ้มครองน้ำมันเชื้อเพลงดีเซลป้องอนาคตนายทุนผูกขาด
แหล่งข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากผลกระทบราคาผลปาล์มยังคงทรงตัวทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจึงได้สำรวจและสอบถามไปยังโรงสกัดน้ำมันปาล์มในจังหวดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผลจากการสำรวจแล้วจึงได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มให้ทราบทั่วกันว่า มีจำนวน 8 โรงงานที่รับซื้อผลปาล์มนั้นได้แจ้งว่าจะหยุดรับซื้อผลปาล์ม ในช่วง “เทศกาลสงกรานต์ 2562 ” ซึ่งเป็นในจังหวัดมีทั้งสิ้น 9 โรงงานประกอบด้วย 1) บริษัท พีพีพี กรีน คอนเพล็กซ์ จำกัด หยุดวันที่ 10-14 เมษายน 2) บริษัท ซีพีพี จำกัด หยุดวันที่ 8-15 เมษายน 3)บริษัท ทองมงคลอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ประกาศหยุดวันที่ 11-16 เมษายน
“สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดชุมพรเห็นว่า หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ไปจนถึงเดือนมกราคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่สหภาพยุโรป หรือ อียู บังคับใช้มาตรการ “Zero Palm Oil” คือ เลิกใช้น้ำมันปาล์ม และวันที่อินเดียขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันปาล์มที่กลั่นแล้วจาก ร้อยละ 7.5 เป็นร้อยละ 20 จะทำให้การส่งออกยิ่งประสบปัญหาชาวสวนปาล์มน้ำมันจะยิ่ง "หายนะ”
ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงได้ร่วมกันน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือการพึ่งพาตนเองและพึ่งพากันเองมาปฏิบัติ โดยการรณรงค์ให้สมาชิกหันมาใช้ “น้ำมันไบโอดีเซล B100”ตามที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรทรงจดทะเบียนสิทธิบัตรการประดิษฐ์ “การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์ เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล” เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2544
2.คุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ “การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์ เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับ เครื่องยนต์ดีเซล” เพื่อป้องกันการผูกขาดขีดเส้นให้รับรองภายในวันที่ 8 เมษายน 2563 พร้อมกับกำหนดมาตรฐานน้ำมันไบโอดีเซล บี 100 เพื่อให้ทุกฝ่ายใช้ในการคุ้มครองสิทธิ 3. ยกเว้นภาษีที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน และ 4.จัดตั้งกองทุนปาล์มน้ำมันเพื่อการบริหารจัดการตามนโยบายปาล์มน้ำมัน เช่น ค่าบริหารจัดการด้านการผลิต ขนส่ง และราคา “ปาล์ม : น้ำมันบนดิน ที่ทรงคุณค่าทุกส่วนจึงควรคงอยู่กับสังคมไทยตลอดไป
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรทำควบคู่เพื่อให้ชีวิตชาวสวนมีความยั่งยืน กล่าวคือห้มีการตรากฎหมายรองรับการแก้ไขปัญหาและพัฒนาปาล์มน้ำมัน เช่น พ.ร.บ.สภาปาล์มน้ำมัน พ.ร.บ.สมัชชาปาล์มน้ำมัน หรือ กฎหมายอื่นที่ทำให้ชาวสวนปาล์มน้ำมันมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายการพัฒนาปาล์มน้ำมัน โดยให้องค์กรและเครือข่ายชาวสวนปาล์มน้ำมันและผู้ใช้น้ำมัน B100 เช่น สมาคม สมาพันธ์สมาคม ชุมนุมสหกรณ์ เป็นกรรมการในสัดส่วนที่เท่าเทียมกับภาคส่วนอื่นๆ ทั้งในระดับประเทศ ระดับภาคและระดับจังหวัด ตลอดจน คุ้มครองด้านอื่นๆ ที่จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาและพัฒนาปาล์มน้ำมันอยู่บนพื้นฐานหรือหลักการแบ่งปันและรับผิดชอบร่วมกัน (Profit Sharing / Fair Trade)